'เอ๋ วิชชุลดา' ศิลปินผู้ชุบชีวิตขยะ เพื่อส่งเสียงถึงความหลากหลาย

'เอ๋ วิชชุลดา' ศิลปินผู้ชุบชีวิตขยะ เพื่อส่งเสียงถึงความหลากหลาย
เมื่อขยะกลายเป็นแรงบันดาลใจ “เอ๋ วิชชุลดา” ผู้สร้างงานศิลปะจากวัสดุเหลือใช้ เป็นอีกเสียงที่เรียกร้องความหลากหลายและความเท่าเทียม

Waste หรือขยะ สำหรับใครหลายคนอาจจะเป็นสิ่งที่ทิ้งแล้วก็จบลงที่ถังขยะ แต่สำหรับ “เอ๋ วิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์” ขยะเหล่านั้น เป็นสิ่งที่หมุนเวียนกลับมาสร้างคุณค่าผ่านงานศิลปะของเธอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน ผลงานของเธอได้ถูกนำไปจัดแสดงร่วมกับ Young artist และศิลปินที่มีชื่อเสียงในนิทรรศการ “UNTOLD STORIES” 

“Chromatic Convergence : ตัวตน สีสัน ยั่งยืน” คือ ชื่อผลงานของ เอ๋ วิชชุลดา โดยการแปรเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ 100% เช่น ขวดพลาสติก ถุงพลาสติก กระป๋องอะลูมิเนียม เศษผ้า ให้เป็นคน สัตว์ และต้นไม้ ที่มีสีสันหลากหลายจากวัสดุที่นำมาใช้ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่สื่อสารถึงความหลากหลาย และความแตกต่าง ไม่ว่าจะเพศ เชื้อชาติ หรืออัตลักษณ์ 

เอ๋ วิชชุลดา อธิบายแนวคิดของเธอกับ The Better Social ว่า เนื่องจากเดือนมิถุนายนเป็นเดือน Pride Month ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและความเท่าเทียมทางเพศ โดยเธอได้นำมาตีความในบริบทใหม่ และศึกษาว่า ความเท่าเทียมทางเพศพูดถึงอะไรได้บ้าง ซึ่งธงสีรุ้ง 8 สี คือสิ่งที่เธอเลือกนำมาใช้ตีความกับงานศิลปะชิ้นนี้ในหลากหลายแง่มุม ทั้งการใช้ชีวิต การเคารพซึ่งกันและกัน หรือการเท่าเทียมทางเพศ 

เธอบอกว่า ก่อนที่เราจะบอกว่า ทุกอย่างต้องเท่าเทียมกัน มันต้องอาศัยมุมมองการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ไม่เพียงเฉพาะเรื่องของคนเท่านั้น แต่รวมถึงธรรมชาติที่อยู่รอบตัวของเราด้วย 

“คุณเข้าใจหรือเคารพเขาหรือไม่ เพราะปัจจุบันทุกคนมีอัตตาในตัวเองสูงมาก บางทีเรารับฟังแค่บางคน เราตั้งตัวเองเป็นหลัก เรามองว่า สิ่งนี้ผิด สิ่งนี้ถูก แต่ในโลกของความจริง มันไม่ได้มีอะไรผิดถูกร้อยเปอร์เซนต์ อยู่ที่ว่า เรามองในมุมไหนมากกว่า”

นอกจากงานศิลปะที่ เอ๋ วิชชุลดา มองว่า เป็นเหมือนเครื่องมือในการสื่อสารแล้ว เธอยังมองว่า พื้นฐานของงานศิลปะจะต้องช่วยตั้งคำถามกลับไปให้ผู้ที่ได้เห็นว่า ศิลปะชิ้นนั้นสามารถสร้างความสะเทือนใจ หรือมีมุมมองอย่างไรบ้าง 

และศิลปะที่ดีจะต้องไม่ใช่เพียงสร้างเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่จะต้องจุดประกายหรือสร้างความเปลี่ยนแปลง สร้างแรงบันดาลใจได้ ซึ่งบางครั้งไม่จำเป็นต้องเป็นงานศิลปะ แต่อาจเป็นสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบหรือถนัด และมีความสุขที่จะอยู่กับสิ่งนั้น 

เอ๋ วิชชุลดา ยังมองว่า ศิลปะในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับมากขึ้น อย่างเช่น เมื่อก่อนที่ต้องคิดว่า จะนำผลงานไปจัดแสดงที่ไหนดี แต่ตอนนี้งานศิลปะสามารถจัดแสดงได้ทุกที่ ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และพยายามที่จะเข้าใจชิ้นงานมากขึ้น หรือแม้แต่การนำงานศิลปะไปผสมผสานกับธุรกิจขนาดใหญ่ นั่นแสดงว่า ทุกคนเล็งเห็นความสำคัญมากขึ้น หรือแม้แต่ศิลปินในยุคนี้ ก็สร้างงานศิลปะผ่านการตีที่หลากหลายมากขึ้น ยิ่งหากมีการแลกเปลี่ยนหรือตีความร่วมกัน ก็จะยิ่งส่งเสริมให้เกิดมุมมองใหม่ๆ เพิ่มขึ้น 

ยิ่งในยุคนี้ที่หลายคนเลือกที่จะเข้าถึงศิลปะจากการเป็นของสะสม หรือกลายเป็น Passion Investment เอ๋ วิชชุลดา มองว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก แต่อยากให้เหล่า Collector ได้มองเห็นผลงานของศิลปินรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพและความเชี่ยวชาญอีกจำนวนมาก เหมือนอย่างในตอนนี้ที่เธออยากขับเคลื่อนวงการศิลปะ ด้วยการสนับสนุนให้ศิลปินรุ่นใหม่ได้แสดงผลงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้เกิดนิทรรศการครั้งนี้ด้วยเช่นกัน 

“เอ๋เชื่อมั่นศิลปินในยุคนี้ว่า มีศักยภาพ มองว่า เขามีมุมมองใหม่ๆ ขึ้นมา เรียกว่า มีโซเซียล มีเครื่องมือที่ช่วยในการทำงานต่างๆ เอ๋ว่ามันเป็นเรื่องสนุกดีอ่ะ มันทำให้เข้าถึงอะไรใหม่ๆ ได้” 

นิทรรศการครั้งนี้ เอ๋ วิชชุลดา อยากจะสร้างสร้างพลังแห่งความหวัง ในการอยู่ร่วมกันของผู้คนและสิ่งมีชีวิตอื่น เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง Pride Month และแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังเป็นเหมือนไอคอนิกที่คอยส่งเสียงเรื่องสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน และการมีตัวตน ผ่านงานศิลปะจากวัสดุเหลือใช้ที่เธอได้สร้างขึ้นมาตลอด

 

เรื่อง : Pornthida Jedeepram 

TAGS: #Art #เอ๋วิชชุลดา #Waste #วัสดุเหลือใช้