บทใหม่ของ “สอง พาราด็อกซ์” กับศิลปะที่พูดแทนความรู้สึกและความหลากหลาย

บทใหม่ของ “สอง พาราด็อกซ์” กับศิลปะที่พูดแทนความรู้สึกและความหลากหลาย
กลับมาอีกครั้งในโลกศิลปะ “สอง พาราด็อกซ์” พาสัมผัสมุมมองใหม่ผ่านงาน Abstract ที่ไร้การตีกรอบ พร้อมความเชื่อว่า ความหลากหลายคือหัวใจของงานสร้างสรรค์ยุคนี้

“Newby” คำนิยามที่ จักรพงศ์ สิริริน หรือ “สอง พาราด็อกซ์” ใช้เรียกตัวเอง เมื่อได้หวนกลับมาสู่วงการศิลปะอีกครั้ง และล่าสุดผลงานของเขาก็ได้จัดแสดงในงานนิทรรศการศิลปะ “UNTOLD STORIES” พร้อมกับศิลปินมากความสามารถและศิลปินรุ่นใหม่ อีก 8 ท่าน 

ผลงานของ สอง พาราด็อกซ์ ที่จัดแสดงมีชื่อว่า “ETERNITY & INFINITY 001-002”  เป็นผลงานศิลปะแนว Abstract ที่ชวนให้ทุกคนได้ใช้จินตนาการแบบไร้ขีดจำกัด ในการคิด วิเคราะห์ผ่านสีและลวดลายที่ถูกระบายอย่างอิสระในแบบของเขา  

สอง พาราด็อกซ์ บอกกับ The Better Social ว่า งานศิลปะที่เขาเคยทำในช่วงแรกจะเน้นงานสายดาร์ก เข้มข้น และสื่อสารชัดเจน ตรงไปตรงมา แตกต่างกับงานชิ้นนี้ที่เขาไม่ต้องรู้สึกเครียดกับมัน ปล่อยใจและความรู้สึกให้เพลิดเพลิน เน้นให้ผู้ที่ได้เห็นชิ้นงานตีความได้อย่างเปิดกว้างตามความรู้สึกของตัวเอง 

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เขาพลิกแนวการวาดภาพของตัวเอง หลังจากที่เขาถูกชวนให้นำผลงานวาดภาพไปจัดแสดง รูปของเขาถูกคัดเลือกเหลือ 100 รูป จาก 400 รูป ซึ่งนั่นก็แลกมากับการที่เขาต้องอดหลับอดนอน และความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวว่า ผลงานของตัวเขาดีพอหรือยังที่จะจัดแสดง เมื่อความกดดันและความเครียดเกิดขึ้น เขาจึงรู้สึกว่า ตัวเองน่าจะเดินมาผิดทาง 

เขาเพียงแค่อยากกลับไปเหมือนช่วงวัยเด็ก ที่อยากวาดอะไรก็ได้โดยไม่ต้องเป็นรูปร่าง และงานชิ้นนี้ก็เหมือนการทดลองที่ไม่ต้องกำหนดว่า จะต้องวาดอะไร แต่ให้สีที่ระบายลงไปได้ทำงานด้วยตัวเอง 

“ช่วงแรกที่ยังไม่ได้ทำ abstract ขนาดนี้ ผมจะเข้มข้นมาก ว่าผมเห็นอะไร และผมจะจับตรงนั้นและไม่พลาด แต่จะรู้สึกว่าภูมิใจมาก เพราะเป็นความคิดและตัวตนเรา แต่พอทำไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกผลงานแข็ง รู้สึกว่าไม่ต้องซีเรียสขนาดนั้นก็ได้ มาช่วงหลังที่ทำ abstract ก็เริ่มปล่อยๆ อารมณ์ วันนี้เห็นเป็นตัวนี้ อีกวันเห็นเป็นตัวนี้ ไม่ต้องจงใจที่จะวาดก็ได้ ให้สีมันได้ทำงานไป และเราก็ทำงานร่วมกับเขาดีกว่า ดีกว่าไปบังคับตามที่เราร่างไว้” 

งานศิลปะประเภทนี้ยังทำให้เขาสามารถบาลานซ์ความรู้สึกทั้งภายในและภายนอกจิตใจของตัวเองได้อย่างดี อย่างเช่น เวลาเครียดจากการทำงาน การสร้างงานศิลปะก็สามารถทำให้เขาผ่อนคลายได้มากขึ้น 

ในฐานะที่ สอง พาราด็อกซ์ ได้กลับเข้าวงการอีกครั้ง เขามองว่า ทิศทางของงานศิลปะค่อนข้างเปิดกว้างอย่างมากในปัจจุบัน ไม่ใช่เพียงแต่ศิลปะที่เป็นภาพวาดเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงศิลปะในสื่ออื่นๆ อย่าง อาร์ตทอยที่มาจากการดีไซน์คาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนต่างๆ ซึ่งบางคนอาจจะมองเป็นแค่ของเล่น แต่ส่วนตัวเขามองว่า เป็นการสร้างงานศิลปะที่เปลี่ยนแค่พื้นผิวเท่านั้น 

รวมถึง Art Gallery ในปัจจุบันที่เปิดเยอะขึ้น และมีคนสนใจไปดูงานศิลปะบ่อยขึ้น จึงมองว่า ศิลปะในยุคนี้เติบโตอย่างมาก และกำลังไปในทิศทางที่ดี ไม่ใช่เฉพาะแค่ในงานศิลปะ แต่รวมไปถึงวงการภาพยนตร์และดนตรี 

ในมุมของงานศิลปะที่กลายเป็นของสะสมและสร้างมูลค่าได้ สอง พาราด็อกซ์ มองว่า เป็นเรื่องปกติเพราะจะมีอยู่แทบทุกวงการ แต่สุดท้ายก็เป็นเรื่องดีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นของสะสม ของใช้ หรือการเทรด เพราะแสดงให้เห็นว่า วงการศิลปะมีความเคลื่อนไหว หากอะไรที่ไม่ดีก็จะค่อยๆ เงียบหายไป แต่หากอะไรที่ดีมันก็จะค่อยๆ เติบโตไปเรื่อยๆ 

และในยุคที่มีเสียงเรียกร้องความเท่าเทียมและความหลากหลายมากขึ้น เขามองว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พิเศษในงานศิลปะ เช่น เวลาไปชมภาพยนตร์อินดี้ โดยผู้กำกับที่มีความหลากหลายทางเพศ เขาจะรู้สึกว่า เนื้อหาจะสนุกยิ่งขึ้นไปอีก รวมถึงวงการเพลงหรือแฟชั่น พอเปิดกว้างรับความหลากหลายมากขึ้น ก็จะทำให้งานศิลปะสื่อสารได้กว้างมากขึ้น 

“ผมมองว่า เรื่องนี้ดีขึ้นเยอะ เพราะสมัยก่อนผมอยู่ในยุคที่หากเพื่อนมีความหลากหลายแบบนั้น เปิดตัวไม่ได้เลยนะ ไม่ว่าจะครอบครัว เพื่อน หรือที่ทำงาน เขาไม่สามารถแสดงออกอะไรได้เลย ทั้งที่เขามีฝีไม้ลายมือ ถ้ายุคนี้มันไปไกลแล้ว ดูกันที่ฝีมือและดูกันที่นิสัย และเขาสามารถใช้ความหลากหลายที่ผมมองว่า มันมีเสน่ห์หรือพลังอะไรบางอย่างที่เวลาทำงานศิลปะมันจะออกมา”

สุดท้ายหลายคนอาจจะใช้ศิลปะในทางที่แตกต่างกันออกไป แต่สำหรับ สอง พาราด็อกซ์ เขาได้แบ่งศิลปะออกเป็น 3 ช่วงเวลาในชีวิต ตั้งแต่ช่วงเด็กที่ทำแล้วรู้สึกสนุกผ่อนคลาย พอช่วงกลางคนก็ใช้ในการบำบัด สร้างงานหรือสร้างอาชีพ และหากก้าวไปถึงช่วงสูงสุดของชีวิต เขามองว่า ศิลปะไม่ใช่แค่การ Painting แต่รวมถึงหนัง เพลง ดนตรี หรืออื่นๆ และมองว่า มนุษย์ไปสู่ยุคที่ค้นหาความงาม ความสงบ ความสบายใจของชีวิตผ่านศิลปะ ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ดูหรือผู้สร้าง

การกลับมาของ “สอง พาราด็อกซ์” สู่วงการแต่งแต้มสีสันในงานศิลปะครั้งนี้ มาพร้อมกับการตีความและสื่อสารในรูปแบบใหม่ ที่ชวนให้ทุกคนได้สัมผัสงานของเขาในมุมมองของตัวเอง ที่ไม่ถูกตีกรอบ ตอกย้ำยุคสมัยที่เปิดกว้างและยอมรับความหลากหลายที่มากขึ้น 

 

เรื่อง : Pornthida Jedeepram 

TAGS: #Art #PARADOX #ABSTRACT