เจาะลึก Bvlgari Manifattura อาณาจักรจิวเวลรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เป็นพื้นที่การผลิตเครื่องประดับชั้นสูงผสานเข้ากับแนวคิดความยั่งยืนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ในโลกของเครื่องประดับอัญมณีระดับไฮเอนด์ ชื่อของ "บุลการี (Bvlgari)" ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์แห่งความหรูหรา แต่ยังเป็นการหลอมรวมระหว่างศิลปะ หัตถศิลป์ และความยั่งยืน ล่าสุด เมซงแห่งนี้ได้เปิดตัวส่วนต่อขยายใหม่ของโรงงานการผลิตในวาเลนเซีย ประเทศอิตาลี ซึ่งทำให้โรงงาน "Manifattura Bvlgari" กลายเป็นโรงงานผลิตเครื่องประดับสำหรับแบรนด์เดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โรงงานแห่งนี้ไม่ใช่เพียงแค่พื้นที่สำหรับผลิตเครื่องประดับล้ำค่า แต่ยังเป็นศูนย์กลางของ "ระบบนิเวศสร้างสรรค์" ที่ผสมผสานระหว่างนวัตกรรม ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และการส่งต่อองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น ด้วยพื้นที่รวมกว่า 33,000 ตารางเมตร โรงงานแห่งนี้มีแผนจะจ้างงานช่างฝีมือเพิ่มอีกกว่า 500 คน ภายในปี 2029 เสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมเครื่องประดับอิตาลีแบบ Made in Italy อย่างแท้จริง
หนึ่งในหัวใจของโครงการขยายโรงงานนี้ คือการออกแบบให้ทุกขั้นตอนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาคารใหม่ทั้งสองหลังใช้นวัตกรรมพลังงานสะอาด ทั้งจากแผงโซลาร์เซลล์กว่า 4,100 แผง พลังงานความร้อนใต้พิภพ และระบบควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำ โดยตั้งเป้าให้กระบวนการผลิตเป็นกลางทางคาร์บอน ที่นี่ยังได้รับมาตรฐาน LEED GOLD ที่รับรองความยั่งยืนของอาคารในระดับสากล และใช้ทองคำจากแหล่งที่ได้รับการรับรองจาก Responsible Jewelry Council 100% ซึ่งเป็นการสะท้อนจริยธรรมของการผลิตในทุกมิติ ทั้งด้านแรงงาน สิ่งแวดล้อม และความโปร่งใส
ในส่วนต่อขยายใหม่นี้ ยังเป็นที่ตั้งของ โรงเรียนแห่งแรกของแบรนด์ที่เปิดรับคนทั่วไป โดยมีจุดประสงค์ในการถ่ายทอดศาสตร์แห่งงานช่างทองและเครื่องประดับ ที่เชื่อมโยงเทคนิคดั้งเดิมเข้ากับวิธีการผลิตสมัยใหม่ ซึ่งเป็นความร่วมมือกับสถาบันช่างทองชื่อดังของอิตาลี
Scuola Bvlgari จึงไม่ใช่แค่โรงเรียน แต่เป็นสัญลักษณ์ของการส่งต่อความรู้จากช่างฝีมือผู้เปี่ยมพรสวรรค์สู่คนรุ่นใหม่ โดยให้ความสำคัญกับทั้งทักษะเชิงเทคนิคและการพัฒนาศักยภาพในระดับสากล ผ่านโปรแกรมของ Bvlgari Jewelry Academy ซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2017
นอกจากนี้โรงงาน Manifattura Bvlgari ยังได้รวมเหล่าศิลปินช่างฝีมือกว่า 30 เชื้อชาติ มาร่วมกันรังสรรค์ผลงาน ภายใต้แนวคิด Vertical Integration หรือการควบคุมทุกกระบวนการผลิตภายในแบรนด์เอง ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบไปจนถึงชิ้นงานสุดท้าย
ที่นี่ไม่เพียงเน้นการผลิตเครื่องประดับระดับโลก แต่ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของพนักงาน ตั้งแต่โครงการดูแลสุขภาพ โปรแกรมการเรียนรู้ ไปจนถึงการจัดพื้นที่สีเขียวและความร่วมมือกับชุมชน เช่น การปลูกต้นไม้พื้นถิ่น และการติดตั้งรังผึ้งเพื่อส่งเสริมระบบนิเวศ
การขยายโรงงานครั้งนี้ ไม่ได้เป็นแค่การเติบโตทางกายภาพ แต่คือการเสริมพลังให้กับปรัชญาแห่งการสร้างสรรค์แบบ Made in Italy เพื่อการแสดงออกให้เห็นว่า ความหรูหราในยุคนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของราคาและภาพลักษณ์ แต่คือเรื่องของคุณค่า ความยั่งยืน และการเชื่อมโยงมนุษย์กับศิลปะเข้าด้วยกันอย่างลึกซึ้ง
เรื่อง : Labrai