เชื่อฟังความรู้สึกจากลำไส้ สะท้อนทั้งสุขภาพและอารมณ์

เชื่อฟังความรู้สึกจากลำไส้ สะท้อนทั้งสุขภาพและอารมณ์
โรงพยาบาลวิมุต ส่งนวัตกรรมสร้างสมดุล “ไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหาร”ชี้คนไทย-ทั่วโลกตื่นตัวเรื่องการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน-เสาะหาแนวทางใหม่ป้องกันโรคร้ายความหวังใหม่ป้องกันโรค!

โรงพยาบาลวิมุต เปิดศักราชใหม่ปี 2567 ประกาศเดินหน้ายกระดับการดูแลรักษาสุขภาพแบบองค์รวมเพื่อช่วยแก้ปัญหาด้านสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ และครอบคลุม ภายใต้กลยุทธ์ “Outside In” มุ่งเน้นการขับเคลื่อนธุรกิจเฮลท์แคร์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้ใช้บริการยิ่งขึ้น ตลอดจนเทรนด์สุขภาพยุคใหม่อย่างต่อเนื่อง 

ล่าสุดประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ “แอมิลิ (AMILI)” บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพด้านจุลชีพในลำไส้ จากความร่วมมือครั้งนี้ รพ.วิมุต พร้อมนำนวัตกรรมในการตรวจ “ไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหาร” มาใช้ในโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีการดูแลเชิงป้องกันที่กำลังมาแรงและเป็นความหวังใหม่ในการป้องกันโรคร้ายในอนาคต 

ไมโครไบโอม (Microbiome) คือชื่อเรียกระบบนิเวศของจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นแหล่งรวมโพรไบโอติกทั้งตัวดีและไม่ดีที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย โดยหากไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหาร (Gut Microbiome) มีความสมดุล กล่าวคือ มีจุลินทรีย์ดีหลากหลายสายพันธุ์ในจำนวนมากพอ ก็จะช่วยทำหน้าที่ย่อยอาหาร เสริมการเผาผลาญ ดูแลระบบภูมิคุ้มกัน สังเคราะห์วิตามิน และช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย สมอง และอารมณ์ได้ 

โดยไมโครไบโอมได้รับการศึกษาวิจัยมาอย่างต่อเนื่องและพบว่าการรักษาสมดุลของไมโครไบโอมในลำไส้ เป็นวิธีที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันโดยรวมเพื่อป้องกันโรคร้ายและสร้างสุขภาพกายและใจที่ดีในระยะยาว ปัจจุบัน วงการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และความงามทั่วโลกให้ความสนใจการดูแลสุขภาพด้วยการปรับสมดุลจุลินทรีย์ให้ร่างกายทั้งภายในและภายนอก

นายแพทย์พิชิต กังวลกิจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต จำกัด กล่าวว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รพ. วิมุต เล็งเห็นถึงการตื่นตัวของคนไทยและทั่วโลกในเรื่องการดูแลสุขภาพก่อนล้มป่วย ปัจจุบันการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยวิเคราะห์ไมโครไบโอมในลำไส้กำลังเป็นเทรนด์สุขภาพมาแรง โดย Research Reports World (RRW) เผยว่าตลาดไมโครไบโอมทั่วโลกมีมูลค่าถึง 743.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 และจะแตะ 3,523.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2571 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตแบบทบต้น (CAGR) ที่ 29.61%

“รพ. วิมุต มุ่งเสาะหานวัตกรรมใหม่ ๆ มาเสริมทัพบริการด้านสุขภาพให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดภายใต้กลยุทธ์ Outside-In เดินหน้าพัฒนาธุรกิจจากมุมมองของผู้ใช้บริการ เราได้ลงนามร่วมทุนกับแอมิลิ (AMILI) บริษัทเฮลท์เทคชั้นนำจากสิงคโปร์ที่พัฒนาเทคโนโลยีด้านจุลชีพในลำไส้ เพื่อเปิดตัว Gut Microbiome Test โปรแกรมตรวจสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้เฉพาะบุคคลที่โรงพยาบาล 

พร้อมมุ่งช่วยให้คนไทยเข้าถึงการตรวจวินิจฉัยและการรักษาอย่างตรงจุด ช่วยให้แพทย์สามารถแนะนำการปรับสมดุลจุลินทรีย์ให้เหมาะกับแต่ละคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในอนาคต รพ. วิมุต มีแผนจัดตั้งห้องปฏิบัติการวิจัยด้านไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหารแห่งแรกในไทยร่วมกับ AMILI ช่วยยกระดับการศึกษาไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหารจากกลุ่มตัวอย่างคนไทยเพื่อนำข้อมูลไปใช้พัฒนาการรักษาโรคและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคนไทยโดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาอาหารเสริมโพรไบโอติกส์เพื่อเสริมการรักษาโรคทางเดินอาหาร ลำไส้แปรปรวน และโรคอ้วน” นายแพทย์พิชิต กังวลกิจ กล่าวเสริม

ธนาคารไมโครไบโอมแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นายแพทย์เจเรมี ลิมป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง AMILI กล่าวว่า “AMILI มีฐานข้อมูลและตัวอย่างไมโครไบโอมจากคนหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังเป็นธนาคารไมโครไบโอมแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราได้พัฒนา "AMILI PRIME" เครื่องมือวิเคราะห์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ที่ทำการทดสอบ วินิจฉัย ทำนายอัลกอริธึม และปรับเปลี่ยนไมโครไบโอมได้อย่างแม่นยำ ความร่วมมือครั้งนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของ รพ.วิมุตในการยกระดับบริการสุขภาพขึ้นไปอีกขั้นผ่านนวัตกรรมการตรวจไมโครไบโอม 

เราจะร่วมกันนำเสนอการตรวจสอบสุขภาพลำไส้และการนำวิธีปลูกถ่ายเชื้อจุลินทรีย์ในอุจจาระ (Fecal Microbiota Transplantation: FMT) เข้าสู่ตลาดประเทศไทย AMILI พร้อมทำงานร่วมกับโรงพยาบาลเพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง ตามความตั้งใจของ รพ. วิมุตในการดูแลให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน”

Gut Health = Good Health 

อดีตเคยมีคำกล่าวที่ว่า “สุขภาพร่างกายเริ่มต้นจากลำไส้” และวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ยืนยันแล้ววว่า อาหารการกินของเราสะท้อนออกมาทางสุขภาพของเราจริง จากที่เรารู้กัน อาหารการกินของคนเอเชียไม่เหมือนกับคนยุโรป นั่นทำให้เรารู้ว่าจุลินทรีย์ในลำไส้ของพวกเราก็ไม่เหมือนกัน 

แม้กระทั่งผู้คนในภูมิภาคเอเชียด้วยกันเอง การรับประทานข้าว ก๊วยเตี๋ยว ขนมปัง ต่างให้จุลินทรีย์ที่ไม่เหมือนกัน ทุกครั้งที่เราทานอาหาร ไม่ได้เป็นแค่การทำให้ท้องอิ่ม แต่เป็นการให้อาหารจุลินทรีย์ในลำไส้ของเราเช่นกัน ที่จะส่งผลต่อสุขภาพ เมื่อเราทานอาหารที่ถูกต้อง โภชนาการที่สูง ยอมส่งผลดีต่อสุขภาพ ถือเป็นการให้อาหารที่ดีต่อจุลินทรีย์ของเรา 

ความรู้สึกจากลำไส้ Gut feeling เชื่อถือได้ 95% 

ลำไส้เปรียบเป็นสมองที่ 2 ของเรา จริงๆในร่างกายของเราจะมีโมเลกุลหลายตัว ที่หลั่งจากสมองของเรา และจะมีโมเลกุลที่มาจากลำไส้ของเรา มีตัวนึงที่ทำให้เราอารมณ์ดี โมเลกุลที่เริ่มต้นมาจากลำไส้ ทำให้มีความสุขมีชื่อว่า เซโรโทนิน ออกมาจากลำไส้ถึง 95% ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่รู้จักกันในนาม “สารเคมีแห่งความสุข” มีบทบาทในการควบคุมอารมณ์และความเป็นอยู่ที่ดี

นายแพทย์กุลเทพ รัตนโกวิท แพทย์ผู้ชำนาญการโรคระบบทางเดินอาหารและตับระบบประสาทและการเคลื่อนไหวทางเดินอาหาร หัวหน้าศูนย์ทางเดินอาหารและตับ กล่าวว่า “หลายคนอาจไม่ทราบว่าการดูแลสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการทำงานที่เป็นปกติของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย หากจุลินทรีย์ในลำไส้เกิดภาวะไม่สมดุล เราอาจเผชิญกับอาการเจ็บป่วยต่างๆ อาทิ ลำไส้แปรปรวน ท้องผูก ท้องเสียเป็นประจำ ระบบการเผาผลาญไม่ดี อาจทำให้เสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้ง่าย ๆหรือมีปัญหาเรื่องระบบภูมิคุ้มกันโดยไม่ทราบสาเหตุ 

Gut Microbiome Test ที่ รพ.วิมุต ช่วยตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ผ่านการตรวจอุจจาระ เพื่อให้แพทย์สามารถวิเคราะห์ความสมดุล (Balance) และความหลากหลาย (Diversity) ของจุลินทรีย์ในลำไส้ และวางแผนการปรับสมดุลในลำไส้ ซึ่งรวมถึงการปรับการรับประทานอาหารและปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้คนไข้แต่ละคนได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ อาจแนะนำให้รับประทานโพรไบโอติกส์ที่มีสูตรและสายพันธุ์จุลินทรีย์ที่เหมาะกับสุขภาพลำไส้ตามผลการตรวจจุลินทรีย์เฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากโพรไบโอติกส์”

ทำความเข้าใจจุลินทรีย์ในลำไส้

ในเบื้องต้นจะต้องเริ่มกันจากจุลินทรีย์ทางเดินอาหาร เราทุกคนต่างได้รับมาตั้งแต่วันแรกที่เกิด แต่จะต่างกันในแต่ละคน เช่นการผ่าท้องคลอด หรือคลอดธรรมชาติ คือการได้รับจุลินทรีย์ต่อจากแม่ ทั้งการเลี้ยงดูในช่วงแรกอาจจะไม่ต่างกันมากนัก แต่เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น การรับประทาน ไลฟ์สไตล์ สภาพแวดล้อมการเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน เริ่มทำให้เราทุกคนไม่เหมือนกัน ไม่ต่างจากบาร์โค้ด ซึ่งจะแตกต่างกันออกไป

หน้าที่ของจุลินทรีย์คือการย่อยทั้งหมด เขามีเซลล์มากกว่าเราเป็นล้านเท่า พูดได้ว่าเป็นการมีชีวิตที่อยู่ร่วมกัน นอกเหนือจากการย่อยแล้ว ผลผลิตจากการย่อยได้สารต่างๆ ที่เราเอามาใช้ประโยชน์ ถัดจากนั้น จึงเป็นตัวควบคุม เหล่าภูมิคุ้มกันในร่างกายของเรา กระบวนการในการสร้างภูมิคุ้มกับของเรามาจากสิ่งที่ย่อย ตัวจุลินทรีย์เองทำหน้าที่ควบคุมภูมิคุ้มกันเรา เป็นการสอดประสานการทำงานร่วมกัน

ถ้ามีความผิดปกติเกิดกับเรา จุลินทรีย์เราก็ผิดปกติ แต่การผิดปกตินี้ไม่ใช่เกิดขึ้นวันนั้น แสดงอาการวันนั้น เป็นการสะสมมาเรื่อยๆ จนกระทั้งร่างกานเราเกิดปัญหาขึ้น สามารถทำให้เรารู้ความเสี่ยงของโรค แบ่งเป็น ความเสี่ยงในการเกิดโรค เช่น เบาหวาน น้ำหนักเกิด ไขมัน หัวใจ หลอดเลือด ภูมิคุ้มกัน ความเสี่ยงของอารมณ์ เช่น ภาวะซึมเศร้า สมาธิสั้น และยังบ่งบอกความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง เนื่องจาก จุลินทรีย์บางตัวที่เป็นเครื่องหมายของมะเร็ง เช่น มะเร็งลำไส้

การตรวจหาจุลินทรีย์ในลำไส้ไม่ได้หมายความว่าใครขาดอะไรเราเติมสิ่งนั้น อย่างที่บอแเอาไว้ ทุกคนมีบาร์โค้ดเป็นของตัวเอง ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเติมเหมือนกัน จริงๆแล้วเราจะต้องดูว่า เขาอยู่ร่วมกันอย่างไร สมดุลอย่างไร จากไลฟ์สไตล์ของเรา สมดุลกันไหม อยู่ร่วมกันได้ไหม การตรวจจะต้องชัดเจน แม่นยำ ได้ผล และมีตัวเปรียบเทียบดีพอ เพราะแตกต่างกันแค่สภาพอากาศ ประเทศที่อยู่ จุลินทรีย์ก็ต่างกัน

การเติมโพไบโอติกส์นั้นต้องคำนึงถึงอาหาร ไลฟ์สไตล์ และวัตถุประสงค์ของผู้เข้าตรวจว่าต้องการอะไร เช่น ภาวะติดเชื้อ มารักษาโรค ต้องการรักษาสมดุล สร้างภูมิคุ้มกัน ความเสี่ยงในการเกิดโรค กาควบคุมอารมณ์ต่างๆ กระบวนการการตรวจนั้นไม่ยาก แต่การรักษาต้องเฉพาะบุคคลมันจะต้องดูโพไบโอติกส์ที่เหมาะจริงๆ

สำหรับผู้ที่สนใจโปรแกรม Gut Microbiome Test ตรวจสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ สามารถติดต่อศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ชั้น 5 โรงพยาบาลวิมุต ถนนพหลโยธิน พร้อมพบกับโปรโมชันพิเศษช่วงเปิดตัวโปรแกรม ในราคาเริ่มต้น 18,000 บาท สามารถโทรนัดหมาย 02-079-0034 เวลา 07.00-17.00 น. หรือใช้บริการ Telemedicine ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ผ่าน ViMUT App คลิก https://bit.ly/372qexX