บล.เกียรตินาคินภัทร มองว่า โครงการขยายรางคู่ทั่วประเทศ มูลค่ากว่า 2.85 แสนล้านบาท จะเป็นการปฏิรูประบบคมนาคมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจ และกระจายรายได้สู่เมืองรองและชุมชนตามแนวเส้นทางรถไฟ ผ่านการออก พระราชบัญญัติการขนส่งทางราง ฉบับใหม่ ที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการดำเนินการและบริหารระบบราง

โครงการรางคู่จะช่วยให้การเดินทางเร็วขึ้น ลดเวลาและต้นทุนการขนส่งสินค้าได้มากกว่า 4 เท่า คาดว่าการขยายระบบรางนี้จะทำให้ GDP ของประเทศเติบโตขึ้น 0.27-0.30% ต่อปี และสามารถลดต้นทุนโลจิสติกส์ได้กว่า 49,000 ล้านบาทต่อปี 

ผลกระทบเชิงบวกจากโครงการรางคู่ไม่เพียงแค่จะช่วยยกระดับโครงสร้างคมนาคม แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ขับเคลื่อนด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยลดต้นทุนและกระตุ้นการเติบโตทั่วประเทศ