ทองคำยังไปต่อ? K Wealthชี้ 5 ปัจจัยหนุนราคาทองพุ่ง รับมือเศรษฐกิจโลกเปราะบาง

ทองคำยังไปต่อ? K Wealthชี้ 5 ปัจจัยหนุนราคาทองพุ่ง รับมือเศรษฐกิจโลกเปราะบาง
K Wealthชี้ภาพเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเปราะบางทั้ง Stagflation, ดอกเบี้ยขาลง และความไม่แน่นอนเชิงนโยบายดันทองคำยังเป็นสินทรัพย์เด่นปี2025พร้อมเตือนนักลงทุนระวังแรงขายหากเศรษฐกิจฟื้นเร็วกว่าคาด

K Wealth เผยบทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำครึ่งหลังปี 2568 ถึงต้นปี 2569 ชี้ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ “ปลอดภัย” ที่ได้รับความนิยม ท่ามกลางความเสี่ยงทางเศรษฐกิจโลกที่เริ่มแสดงสัญญาณชะลอตัว โดยมีทั้งแรงหนุนและความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

Stagflation กดดันเศรษฐกิจโลก หนุนความต้องการทอง

ข้อมูล ณ วันที่ 6 กันยายน 2568 ชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ เริ่มอ่อนแรงลง ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payroll) ต่ำกว่าคาดการณ์ และอัตราการว่างงานพุ่งแตะ 4.3% ขณะเดียวกัน เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะเงินเฟ้อภาคบริการ เช่น ค่าเช่าที่อยู่อาศัยและต้นทุนแรงงาน
สถานการณ์นี้สะท้อนภาพของ “Stagflation” หรือภาวะเศรษฐกิจชะลอแต่เงินเฟ้อสูง ซึ่งในอดีตเคยส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งแรง โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษ 1970

ดอกเบี้ยขาลง หนุนต้นทุนโอกาสของทองลดลง

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เริ่มส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย โดยเฉพาะหลังการประชุม Jackson Hole ตลาดพันธบัตรตอบสนองด้วยการลดลงของ Bond Yield อายุสั้น ทำให้ ผลตอบแทนที่แท้จริง (Real Yield) ลดลงอย่างชัดเจน
เมื่อ Real Yield ต่ำลง ทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ให้ดอกเบี้ย ก็กลับมามีความน่าสนใจมากขึ้นในสายตานักลงทุน

ความเสี่ยงเชิงนโยบายและภูมิรัฐศาสตร์ยังคงกดดันตลาด

ความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ (Tariffs) ปัญหาหนี้สาธารณะ และความไม่โปร่งใสของการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในหลายประเทศ ส่งผลให้ตลาดยังเผชิญแรงกดดัน
รวมถึงความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน และความไม่แน่นอนในตะวันออกกลาง ยิ่งหนุนความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe haven)

แบงก์ชาติและกองทุนแห่ซื้อทองต่อเนื่อง

รายงานชี้ว่า 95% ของธนาคารกลางทั่วโลกมีแผนเพิ่มการถือครองทองในช่วง 12 เดือนข้างหน้า สูงสุดนับตั้งแต่เริ่มสำรวจ ขณะที่เงินทุนจากฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป ก็ไหลกลับเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำ มูลค่ากว่า 5.5 พันล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม 2568
การเข้ามาของนักลงทุนสถาบันจึงเป็นแรงเสริมสำคัญที่ผลักดันราคาทองให้ยืนในระดับสูงได้อย่างมั่นคง

มุมมองการลงทุน: ยัง “ถือต่อ” แต่ต้องรู้จังหวะ

K Wealth ประเมินว่า แม้ทองคำยังมีปัจจัยสนับสนุนในระยะสั้นถึงกลาง แต่ด้วยราคาที่ปรับขึ้นแรงใกล้ระดับสูงสุดใหม่ นักลงทุนที่มีผลกำไรควรทยอย “ทำกำไร” (Take Profit) เพื่อรักษาผลตอบแทน
อย่างไรก็ตาม การถือทองบางส่วนยังมีประโยชน์ในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะหากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะชะลอรุนแรง หรือเกิดความผันผวนทางการเมืองเพิ่มเติม

ความเสี่ยงที่ต้องจับตา

  • หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวเร็วเกินคาด และเงินเฟ้อลดลงอย่างรวดเร็ว อาจกระตุ้นแรงขายทำกำไร

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่ยังสูง อาจกดดันราคาทองในระยะกลาง

  • ความคาดหวังการเจรจาสันติภาพในยูเครน อาจทำให้ตลาดทองคำผันผวนในระยะสั้น

TAGS: #ทองคำ #เศรษฐกิจโลก #เงินเฟ้อ #ลงทุนอย่างรู้จริง