กรมพัฒนาธุรกิจลงพื้นที่เก็บข้อมูลพบผู้ประกอบการ รับฟังปัญหาพบต้นทุนแข่งขันสูง ขณะที่ต้องช่วยรับภาระภาษีขาย OTOP เสนอรัฐตั้งแอปพลิเคชั่นกลางเผยแพร่ร้านค้าเพิ่มช่องทางตลาด
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม พร้อมทั้งพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่งค้าปลีกย่านนวมินทร์ กรุงเทพฯว่า กรมฯต้องการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการที่แท้จริงของผู้ประกอบการ รวมถึงอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ ทั้งการปรับตัวสู่การค้าออนไลน์ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ และการพัฒนาทักษะด้านการตลาด เพื่อนำมาวิเคราะห์และใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทยในระยะต่อไป
ทั้งนี้จากนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ “พาณิชย์พึ่งได้” โดยมีเป้าหมายเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการรายย่อยและ SMEs ไทย กรมฯ จึงเน้นการทำงานเชิงรุก ด้วยการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องในย่านการค้าสำคัญในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการโดยตรง ในประเด็นสำคัญ คือ
1. โครงสร้างธุรกิจและรูปแบบการบริหารจัดการร้านค้า ทั้งในด้านการจัดหาสินค้า การตั้งราคา และการบริหารต้นทุน 2. ปัญหา/อุปสรรค เช่น ต้นทุนที่สูงขึ้น ค่าเช่าพื้นที่ และการแข่งขันจากช่องทางออนไลน์ 3. โอกาสการพัฒนา โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขาย
4. ความต้องการสนับสนุนในด้านองค์ความรู้ การอบรมทักษะ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการเชื่อมโยง เครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ กับ คุณหนึ่งพุทธ วิมุตตินันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และคณะผู้บริหารของบริษัท เพื่อนดินฟ้า จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ย่านนวมินทร์
อย่างไรก็ตามจากการพูดคุย พบว่าในปี 2568 ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกกำลังเผชิญท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย จนทำให้กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ต้องควบคุมค่าใช้จ่ายและจำกัดปริมาณการซื้อสินค้าให้น้อยลง รวมถึงคู่แข่งมีการนำจุดเด่นและข้อได้เปรียบบางอย่างมาจัดทำโปรโมชันเพื่อช่วยกระตุ้นยอดขาย จึงทำให้ทางร้านต้องเร่งปรับตัวและวางกลยุทธ์การขายเพิ่มขึ้นเพื่อดึงดูดลูกค้า
นอกจากนี้อีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญสำหรับร้านค้าส่งค้าปลีก คือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เนื่องจากทางร้านรับฝากขายสินค้าจากชุมชน ซึ่งผู้ประกอบการชุมชนบางรายไม่ได้เข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จึงทำให้ร้านต้องรับภาระการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) และต้องขายของแพงกว่าร้านค้าที่ไม่เข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ต้องการให้กรมฯ สนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับธุรกิจค้าส่งค้าปลีกผ่านช่องทางหรือสื่อประชาสัมพันธ์อื่นๆ ของกรมให้มากขึ้น รวมถึงการจัดทำแอปพลิเคชั่นกลางที่เป็นของหน่วยงานภาครัฐและคนไทยโดยรวบรวมร้านค้าที่เป็นร้านค้าในโครงการ เพื่อเพิ่มช่องทางการขายและถ่วงดุลการค้า กับแอปพลิเคชันของต่างชาติที่ส่งผลกระทบด้านราคากับผู้ประกอบการรายย่อยในประเทศ
สำหรับบริษัท เพื่อนดินฟ้า จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งตั้งแต่ปี 2555 เป็นธุรกิจขนาดกลางที่ให้ประกอบธุรกิจค้าส่ง 60% ค้าปลีก 40% มีปริมาณการจำหน่ายสินค้าที่ 5,000 SKUs โดยมีพื้นที่จำหน่ายสินค้ากว่า 6,000 ตารางเมตร และพื้นที่คลังสินค้า 400 ตารางเมตร รวมถึงเป็นร้านค้าธงฟ้าที่มีแอปพลิเคชันถุงเงิน
นางอรมน กล่าวว่า ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ถือเป็นกลไกสำคัญของระบบเศรษฐกิจไทย ที่สามารถสร้างการจ้างงานจำนวนมาก และมีบทบาทเชื่อมโยงระหว่างผลิตกับผู้บริโภค แต่ปัจจุบันผู้ประกอบการค้าปลีก โดยเฉพาะร้านค้ารายย่อยต้องเผชิญกับความท้าทายหลากหลาย ทั้งการแข่งขันจากธุรกิจขนาดใหญ่ การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปใช้แพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น
ทางกรมฯ พร้อมรับฟังข้อเสนอ และความคิดเห็นของผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่งค้าปลีกมาจัดทำแผนพัฒนาและเสริมสร้างองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการบริหารจัดการธุรกิจ รวมทั้งนำอุปสรรคที่ภาคธุรกิจได้รับนำไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ซึ่งเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการในพื้นที่ถือเป็นข้อมูลสำคัญในการปรับปรุงมาตรฐานให้ตรงกับความเป็นจริงและสอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ โดยกรมฯ จะนำผลการสำรวจมาประกอบการวางแผนเชิงนโยบายและจัดทำโครงการสนับสนุนใหม่ๆ เพื่อยกระดับธุรกิจค้าปลีกไทยให้มีความแข็งแกร่ง ทันสมัย ตลอดจนสร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ