เฟดลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบปี สู่ระดับ 4.00–4.25% ส่งสัญญาณ Dovish หนุนเงินบาทระยะสั้นอ่อนค่าลง

เฟดลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบปี สู่ระดับ 4.00–4.25% ส่งสัญญาณ Dovish หนุนเงินบาทระยะสั้นอ่อนค่าลง
FOMC มีมติลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบปี สะท้อนจุดยืนผ่อนคลายนโยบาย แม้เงินเฟ้อยังสูง ด้าน SCB FM มองเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าในระยะสั้น แต่ระยะยาวยังมีแรงหนุนจากแนวโน้มดอลลาร์อ่อนค่า

นายวชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets) เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) มีมติ 11 ต่อ 1 ให้ ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps สู่ระดับ 4.00–4.25% ถือเป็นการปรับลดครั้งแรกหลังจากคงดอกเบี้ยต่อเนื่องในการประชุม 5 ครั้งที่ผ่านมา

การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นแม้เงินเฟ้อสหรัฐฯ จะเร่งตัวขึ้นจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้า แต่คณะกรรมการเฟดเลือกให้ความสำคัญกับ ตลาดแรงงานที่อ่อนแอลงอย่างชัดเจน มากกว่า

Dot Plot ใหม่ สะท้อนแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้น
เฟดได้ปรับ “Dot plot” หรือตัวคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยลง โดย ส่งสัญญาณว่าจะลดดอกเบี้ยต่ออีก 50 bps ภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งมากกว่าการคาดการณ์เดิมในเดือนมิถุนายนที่อยู่ที่ 25 bps

  • ปี 2026–2027: คาดว่าจะลดดอกเบี้ยปีละ 25 bps
  • ระยะยาว (Long-run neutral rate): ยังคงที่ 3.00%

นายวชิรวัฒน์ระบุว่า แม้ตลาดคาดหวังโทนที่ "Dovish" กว่านี้ แต่ผลประชุมออกมาถือว่า ยังไม่ผ่อนคลายมากเท่าที่ตลาด Price-in ไว้ ส่งผลให้

  • US Treasury Yields ขยับสูงขึ้นเล็กน้อย
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัว
  • ราคาทองคำปรับลดลง
  • ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย

สมาชิกใหม่ของ FOMC โหวตลดดอกเบี้ยแรงกว่าตลาด
หนึ่งในประเด็นสำคัญคือ นาย Stephen Miran สมาชิก FOMC ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งโดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าร่วมประชุมครั้งแรก และเสนอให้ลดดอกเบี้ยถึง 50 bps พร้อมระบุว่าดอกเบี้ยนโยบายควรอยู่ในระดับ 2.75–3.00% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นมุมมองที่ Dovish กว่าคณะกรรมการส่วนใหญ่

ตลาดคาด Fed ลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งปีนี้
SCB FM มองว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยต่อได้อีก 2 ครั้งในปีนี้ (ครั้งละ 25 bps) ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองตลาดที่ให้น้ำหนักกว่า 90% ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยรวม 50 bps ในปีนี้ และอีก 3 ครั้งในปีหน้า

“เฟดให้ความสำคัญกับแรงงานที่อ่อนแอ มากกว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ สะท้อนมุมมองการดำเนินนโยบายที่ Dovish มากขึ้น” – นายวชิรวัฒน์กล่าว

เงินบาทระยะสั้นอ่อนค่า – กรอบ 31.50–32.00
สำหรับค่าเงินบาท SCB FM คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.50–32.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วง 1 เดือนข้างหน้า โดยได้รับแรงกดดันจาก:

  • การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ
  • การปรับตัวขึ้นของ US Treasury yields
  • การไหลออกของเงินทุนจากตลาดบอนด์ไทยบางส่วน
  • ราคาทองคำที่เผชิญแนวต้านระยะสั้น

หากอัตราว่างงานสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเกิน 4.5% ก็อาจทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อ และเปิดทางให้เงินบาทกลับมาแข็งค่า ต่ำกว่าระดับ 31.50 บาท/ดอลลาร์

ความเสี่ยงจากเครดิตไทย และภาพเงินบาทสิ้นปี
SCB FM ประเมินว่า แรงกดดันด้านแข็งค่าของเงินบาทในระยะกลาง-ยาวยังคงอยู่ แต่จะจำกัด โดยมองว่า กรอบปลายปีอยู่ที่ 31.00–32.00 บาท/ดอลลาร์ฯ

ปัจจัยกดดันในประเทศ:

  • เศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอ
  • การบริโภคภาคเอกชนและการส่งออกมีแนวโน้มชะลอ
  • ความเสี่ยงที่ Moody’s อาจลดเครดิตไทยจากระดับ Baa1

ปัจจัยสนับสนุน:

  • ดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อจากแนวโน้ม De-dollarization
  • Fed จะยังอยู่ในวัฏจักรผ่อนคลายนโยบายการเงิน (Easing)

Bond yields ไทยดีดแรง ก่อนย่อลง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา:

  • 5 ปี เพิ่มขึ้น 14 bps
  • 10 ปี เพิ่มขึ้น 25 bps
  • 30 ปี เพิ่มขึ้นถึง 30 bps

ปัจจัยหลัก: แรงเทขายจากนักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติบางส่วน หลัง curve ของไทย flatten มากไปเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค

ล่าสุด Yields เริ่มปรับตัวลงเล็กน้อย

แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายไทย
SCB FM คาดว่าตลาดได้ Price-in การลดดอกเบี้ยของ กนง. ในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 ไปแล้ว โดยคาดว่าดอกเบี้ยนโยบายอาจลดลงต่ำกว่า 1% เล็กน้อย หาก กนง. ยังไม่ปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนตุลาคม ก็อาจทำให้ Bond yields ไทยปรับสูงขึ้นอีกครั้งในระยะสั้น

 

TAGS: #FOMC #SCBFM #เศรษฐกิจโลก #ค่าเงินบาท #ดอกเบี้ยสหรัฐ