เบื้องหลังสถานการณ์
ปลายเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2568 สหรัฐอเมริกาเริ่มเสริมกำลังด้านกองทัพเรือในแคริบเบียนตอนใต้ โดยอ้างว่ามีเป้าหมายในการปราบปรามการค้ายาเสพติด จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 2 กันยายน กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้จมเรือที่เดินทางมาจากเวเนซุเอลาและโดยกล่าวหาว่าบรรทุกยาเสพติดผิดกฎหมาย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย แต่ผู้เชี่ยวชาญที่สื่อมวลชนสัมภาษณ์ต่างคาดเดาถึงเป้าหมายที่แท้จริงของปฏิบัติการนี้ ส่วนหนึ่งชี้ว่าเป็นเป้าหมายของทรัมป์อาจจะการข่มขู่คุกคามระบอบการปกครองของนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวนาซุเอลาคนปัจจุบัน ซึ่งมีนโยบายที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐฯ และสหรัฐฯ สนับสนุนฝ่ายค้านที่มีแนวทางเป็นมิตรกับสหรัฐฯ กับชาติตะวันตกมากกว่า
เวเนซุเอลามีน้ำมันมากมาย
ทั้งนี้ เวเนซุเอลามีปริมาณสำรองน้ำมันที่พิสูจน์แล้วมากที่สุดในโลก โดยประเมินไว้ที่ประมาณ 303 พันล้านบาร์เรล ณ ปี พ.ศ. 2566 ซึ่งคิดเป็นประมาณ 17% ของปริมาณสำรองน้ำมันทั่วโลก และก่อนหน้านี้ ณ ปี พ.ศ. 2549 เวเนซุเอลาเป็นหนึ่งในผู้จัดหาน้ำมันรายใหญ่ที่สุดให้กับสหรัฐอเมริกา โดยส่งน้ำมันประมาณ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน (220×103 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน) ให้กับสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบัน จากตัวเลขเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ที่เผยแพร่โดย AFP เวเนซุเอลาส่งออกน้ำมันประมาณ 500,000 บาร์เรลต่อวันไปยังจีน 240,000 บาร์เรลไปยังสหรัฐอเมริกา และ 70,000 บาร์เรลไปยังอินเดียและสเปน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการแทรกแซงชองสหรัฐฯ และชาติตะวันตกต่อการเมืองเวเนซุเอลาหลังจากที่มาดูโรยังรั้งตำแหน่งผู้ประเทศต่อไปและฝ่ายค้านต่อต้านผลการเลือกตั้งที่น่ากังขาไม่สำเร็จ ทำให้ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2560 ในช่วงรัฐบาลมัยแรกของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรที่ห้ามเวเนซุเอลาเข้าถึงตลาดการเงินของสหรัฐฯ และในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2561 ได้ขยายมาตรการคว่ำบาตรเพื่อสกัดกั้นการซื้อหนี้ของเวเนซุเอลา เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2562 ระหว่างวิกฤตการณ์ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา สหรัฐฯ ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมต่อบุคคลหรือบริษัทในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ทองคำ เหมืองแร่ และธนาคาร รวมถึงโครงการอุดหนุนด้านอาหาร
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 รัฐบาลของโจ ไบเดน ได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ บางส่วนต่ออุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ และทองคำเป็นการชั่วคราว เพื่อแลกกับคำมั่นสัญญาที่เวเนซุเอลาจะปล่อยตัวนักโทษการเมืองและการเลือกตั้งที่เสรีในปี พ.ศ. 2567 มาตรการคว่ำบาตรส่วนใหญ่ถูกนำกลับมาบังคับใช้อีกครั้งในเดือนเมษายน เมื่อกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าข้อตกลงเพื่อจัดการเลือกตั้งที่เสรียังไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเต็มที่ แต่ก็มีการอนุญาตให้บริษัทบางแห่งได้รับการยกเว้นในรูปแบบของใบอนุญาตรายบุคคลเพื่อดำเนินการในภาคส่วนน้ำมันต่อไป
ความเกลียดชังเวเนฯของทรัมป์
แต่หลังจากทรัมป์กลับมารับตำแหน่งสมัยที่สอง ในเดือนมีนาคม ทรัมป์ ประกาศว่า เขาจะจัดเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันจากเวเนซุเอลาในอัตรา 25% โดยอ้างว่า “เวเนซุเอลาเป็นศัตรูกับสหรัฐอเมริกาและเสรีภาพที่เรายึดมั่น ดังนั้น ประเทศใดก็ตามที่ซื้อน้ำมันและ/หรือก๊าซจากเวเนซุเอลาจะถูกบังคับให้จ่ายภาษีนำเข้า 25% ให้กับสหรัฐอเมริกาสำหรับสินค้าใดๆ ที่ทำกับประเทศของเรา” และทรัมป์ยังอ้างว่าเวเนซุเอลา "จงใจและหลอกลวง" ส่งอาชญากร รวมถึงบุคคลรุนแรงและสมาชิกแก๊งอาชญากรรมอย่าง Tren de Aragua ไปยังสหรัฐฯ โดยไม่มีหลักฐาน
ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารที่สั่งให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุให้แก๊งค้ายาเสพติดในซีกโลกตะวันตกบางกลุ่มเป็นองค์กรก่อการร้ายต่างชาติ ในเดือนกุมภาพันธ์ รัฐบาลทรัมป์ได้กำหนดให้ Tren de Aragua ซึ่งเป็นองค์กรอาชญากรรมจากเวเนซุเอลาเป็น "ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติที่ร้ายแรงยิ่งกว่าอาชญากรรมที่จัดตั้งขึ้นตามปกติ" ในเดือนกรกฎาคม สหรัฐฯ ได้กำหนดให้ Cartel de los Soles ซึ่งเป็นองค์กรอาชญากรรมที่ถูกกล่าวหาว่าเชื่อมโยงกับผู้นำเวเนซุเอลา เป็นองค์กรก่อการร้าย ในขณะนั้น สำนักงานกิจการซีกโลกตะวันตกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้โพสต์บน X ว่าจะใช้ "ทรัพยากรทั้งหมดที่มีเพื่อป้องกันไม่ให้มาดูโรแสวงหาผลประโยชน์จากการทำลายชีวิตชาวอเมริกันและความไม่มั่นคงของซีกโลกของเราต่อไป"
รัฐบาลทรัมป์ได้กล่าวหาประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลาว่าลักลอบขนยาเสพติดเข้าสหรัฐฯ และก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคม รัฐบาลทรัมป์ได้ตั้งเงินรางวัลสูงถึง 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการจับกุมมาดูโรโดยอ้างว่ามาดูโรมีบทบาทของในการค้ายาเสพติด มาดูโรถูกตั้งข้อหาในสหรัฐฯ ในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด รวมถึงการก่อการร้ายยาเสพติดในปี 2563
การโจมตีเวเนฯ ด้วยกองเรือ
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งอนุญาตให้ใช้กำลังทหารกับแก๊งค้ายาเสพติดในละตินอเมริกาที่พวกเขาถือว่าเป็นองค์กรก่อการร้าย ณ วันที่ 8 กันยายน สหรัฐฯ ได้ทำการจัดกำลังพลในน่านน้ำทะเลแคริเบียนในลักษณะปิดล้อมเวเนซุเอลา การจัดกำลังพลมีดังนี้
เรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี
USS Gravely
USS Jason Dunham
USS Sampson
เรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก
USS Iwo Jima
เรือขนส่งสะเทินน้ำสะเทินบก
USS San Antonio
USS Fort Lauderdale
เรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธนำวิถี
USS Lake Erie
เรือรบชายฝั่ง
USS Minneapolis-Saint Paul
เรือดำน้ำโจมตีเร็วพลังงานนิวเคลียร์
USS Newport News
ตามรายงานของ Financial Times “เรือ 5 ลำจากทั้งหมด 8 ลำติดตั้งขีปนาวุธ Tomahawk ซึ่งสามารถโจมตีเป้าหมายบนบกได้” เรือ Iwo Jima, Fort Lauderdale และ San Antonio ออกเดินทางจากเมืองนอร์ฟอล์ก รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม โดยบรรทุกทหารนาวิกโยธินและลูกเรือ 4,500 นาย รวมถึงหน่วยนาวิกโยธินสำรวจที่ 22
ตามการแจ้งของสถาบันกองทัพเรือสหรัฐฯ การจัดำลังครั้งนี้ถือเป็น "ครั้งแรกที่กองเรือพร้อมรบสะเทินน้ำสะเทินบกของสหรัฐฯ พร้อมด้วยนาวิกโยธินประจำการได้เคลื่อนพลตั้งแต่เดือนธันวาคม" ขณะที่นักประวัติศาสตร์ อลัน แม็กเฟอร์สัน กล่าวว่าการเสริมกำลังทางเรือครั้งนี้ถือเป็นการเสริมกำลังทางเรือครั้งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508
เมื่อวันที่ 2 กันยายน ทรัมป์กล่าวว่าสหรัฐฯ ได้โจมตีเรือบรรทุกยาเสพติดผิดกฎหมายที่ไม่ระบุชนิด โดยอ้างว่าเรือลำดังกล่าวดำเนินการโดยแก๊ง Tren de Aragua ทรัมป์กล่าวว่าการโจมตีครั้งนี้คร่าชีวิต "ผู้ก่อการร้ายยาเสพติด" 11 ราย Wall Street Journal รายงานว่า "การโจมตีครั้งนี้เป็นการโจมตีทางอากาศครั้งแรกของกองทัพสหรัฐฯ ที่ได้รับการยอมรับอย่างเปิดเผยในอเมริกากลางหรืออเมริกาใต้ นับตั้งแต่การรุกรานปานามาของสหรัฐฯ ในปี 1989"
วันที่ 15 กันยายน ทรัมป์ประกาศว่ามีเรือเวเนซุเอลาอีกลำถูกโจมตีในเช้าวันเดียวกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ประกาศดังกล่าวอ้างว่าผู้เสียชีวิตเป็น “ผู้ก่อการร้ายค้ายาเสพติดที่ได้รับการยืนยันแล้ว” อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่าเรือลำดังกล่าวบรรทุกยาเสพติด
เป้าหมายที่แม้จริงของทรัมป์คือ?
The Economist ระบุว่า "มีน้อยคนนัก...ที่คิดว่ายาเสพติดเป็นเป้าหมายหลักหรือเป้าหมายเดียว" ของปฏิบัติการนี้ และ The Economist ระบุว่า "ทั้งหมดนี้สมเหตุสมผลที่สุด หากเจตนาหลักคือการทำให้มาดูโรหวั่นเกรง ช่วยเหลือฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา หรือแม้แต่ปลุกระดมให้เกิดการลุกฮือขึ้นภายในกองทัพเวเนซุเอลา" ซึ่งการโค่นล้มระบอบการปกครองของมาดูโร จะเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาของสหรัฐฯ เพราะจะได้รัฐบาลที่สนับสนุนสหรัฐฯ และชาติตะวันตก ต่างจากมาดูโรที่สนับสนุนรัสเซียกับอิหร่าน และค้าน้ำมันกับจีน
ผู้เชี่ยวชาญที่ให้สัมภาษณ์กับ BBC กล่าวว่าการโจมตีเมื่อวันที่ 2 กันยายนอาจผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายทางทะเลและสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะไม่ได้ลงนามในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล แต่นโยบายก่อนหน้านี้ของสหรัฐฯ คือ "ดำเนินการในลักษณะที่สอดคล้องกับบทบัญญัติ" ประเทศต่างๆ ไม่ควรแทรกแซงเรือในน่านน้ำสากล ยกเว้นในกรณีต่างๆ เช่น การไล่ล่าอย่างดุเดือดนอกน่านน้ำอาณาเขตของประเทศ
แมรี เอลเลน โอคอนเนลล์ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมาย กล่าวว่าการโจมตีครั้งนี้ "ละเมิดหลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ" ขณะที่ ลุค มอฟเฟตต์ จากมหาวิทยาลัยควีนส์เบลฟาสต์ ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านกฎหมายเช่นกัน กล่าวว่าการโจมตีเรือโดยไม่มีเหตุผลป้องกันตัวอาจเป็นการสังหารผู้คนที่อยู่เหนือกฎหมาย
นอกจาก เงื่อนงำเรื่องการโจมตีเวเนซุเอลาที่อาจจะไม่เกี่ยวเรื่องยาเสพติด และการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ยังมีแง่มุมที่น่าติดตามในเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ นั่นคือ ในขณะที่สหรัฐฯ กดดันเวเนซุเอลาในด้านการค้าน้ำมัน ทำให้เวเนซุเอลาหันไปสนิทสนมกับจีนมากขึ้น โดยในเวลานี้เวเนซุเอลาจึงพึ่งพาจีนมากขึ้นทั้งในด้านสินเชื่อและการเข้าถึงตลาด โดยมีโครงการ "น้ำมันแลกเงินกู้" ระหว่างสองประเทศในช่วงที่เวเนซุเอลามีน้ำมันมากมายแต่ขายให้ตะวันตกไม่ได้ เพราะถูกสหรัฐคว่ำบาตร และยังมีความร่วมมือในชื่อบริษัท Petrolera Sinovensa ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง CNPC บริษัทน้ำมันของจีนและ PDVSA บริษัทน้ำมันของเวนเซเอลาในการขุดเจาะแหล่งน้ำมันในแถบโอรีโนโก ซึ่งมีกำลังการผลิต 100,000 บาร์เรลต่อวัน ข้อตกลงใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเงินทุนจากภาคเอกชนของจีนอาจช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 60,000 บาร์เรลต่อวันในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งจะช่วยตอกย้ำบทบาทของจีนที่มีต่อความอยู่รอดทางเศรษฐกิจต่อเวเนซุเอลา
การพึ่งพากันระหว่างจีนกับเวเนซุเอลานี่เองอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทรัมป์ต้องใช้กำลังทหารเรือเปิดล้อมเวเนซุเอลา
โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - เครื่องบินโบอิ้ง C-5 Galaxy ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ จอดอยู่ที่สนามบินโฮเซ อปอนเต เด ลา ตอร์เร ซึ่งเดิมเป็นฐานทัพเรือรูสเวลต์โรดส์ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2025 ในเมืองเซอิบา ประเทศเปอร์โตริโก เครื่องบินเหล่านี้จะเข้าร่วมกับเรือรบสหรัฐฯ ที่ประจำการอยู่แล้วในทะเลแคริบเบียนตอนใต้ ขณะที่ทรัมป์เพิ่มแรงกดดันต่อประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ของเวเนซุเอลา ซึ่งสหรัฐอเมริกากล่าวหาว่าเป็นผู้นำแก๊งค้ายาเสพติด รัฐบาลทรัมป์เพิ่งใช้โดรนโจมตีเรือลำหนึ่งที่ออกจากเวเนซุเอลาและต้องสงสัยว่าขนส่งยาเสพติดในแถบแคริบเบียนตอนใต้ มีผู้เสียชีวิต 11 คนในการโจมตีครั้งนี้ ประธานาธิบดีอ้างว่าเรือลำดังกล่าวดำเนินการโดยแก๊ง Tren de Aragua ของเวเนซุเอลา (Photo by Miguel J. Rodriguez Carrillo / AFP)