เพราะโลกตะวันตกกำลังล่มสลาย ฝรั่งทั้งหลายจึงต้องปกป้องประเทศไทยเอาไว้จาก BBC

เพราะโลกตะวันตกกำลังล่มสลาย ฝรั่งทั้งหลายจึงต้องปกป้องประเทศไทยเอาไว้จาก BBC

บอกตามตรง ผมรู้สึกเฉยๆ กับการที่ BBC ปล่อยคอนเทนต์เรื่อง Thailand: The Dark Side of Paradise ออกมา เพราะมันยังสะท้อนว่า "สถาบันตะวันตก" ยังดูแคลนประเทศไทยและประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายว่า "อยู่ในด้านมืด" และ "น่ากลัวจนไม่น่าอยู่" 

"สถาบันตะวันตก" ก็คือพวกสื่อเก่าๆ ที่จิตใจไม่กว้างขวาง วิสัยทัศน์คับแคบ ไปจนถึงพวกนักการมือง และองค์กรเดิมๆ ที่เคยมีอำนาจชี้นำ แต่วันนี้คนไม่ศรัทธากันแล้ว แต่ยังมีที่ยืนอยู่ได้เพราะพวกเดียวกันคอยช่วยประคองลมหายใจกันไปเรื่อยๆ 

อย่าง BBC นั้นก็มีเส้นเลือดจากเงินของ "สถาบันตะวันตก" ต่างๆ ที่ดำเนินการเรื่องการเมืองและการครอบงำโลก เช่น USAID และเงินของรัฐบาลต่างๆ โดยเฉพาะรัฐบาลสหราชอาณาจักร

ผมถึงบอกว่ารู้สึกเฉยๆ กับการปล่อยคอนเทนต์ของ BBC เพราะเขาเป็นของเขาแบบนี้ จะให้เปลี่ยนอะไรได้? 

แต่มีสิ่งหนึ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นั่นคือ ความเชื่อถือของชาวตะวันตกที่มีต่อ "สถาบันตะวันตก" เหล่านี้ และความเชื่อมั่นในสังคมตะวันตกที่พวกเขาดำรงชีวิตอยู่

พูดภาษาฝรั่งก็คือ ฝรั่งตะวันตกรู้สึก disillusioned (ผิดหวัง, หมดหวัง, คาดหวังอะไรไม่ได้) กับสังคมตะวันตก

ในขณะที่ "สถาบันตะวันตก" ยังหลงกับความเชื่อเดิมๆ ว่าสังคมของพวกเขายังเป็นเสาหลักที่มั่นคง และเป็นผู้ที่ชี้นำค่านิยมของโลก

ทำไมคนตะวันตกถึงสิ้นหวังกับสังคมตัวเอง?

แน่นอนว่าสวัสดิการและคุณภาพชีวิตอะไรต่อมิอะไร ประเทศตะวันตกยังเหนือกว่าประเทศไทย และเวลาทำดัชนีวัดต่างๆ ตะวันตกจะอยู่ในอันดับที่สูงส่งและสวยงามกว่าภูมิภาคอื่นของโลก 

แต่นั่นมันแค่ฉากหน้า

ลึกๆ แล้วสังคมตะวันตกกำลังถดถอยไปทีละน้อย โดยมีแนวคิดและข้อสังกตทางสังคมการเมืองมารองรับการถดถอยนี้มากมาย เช่นแนวคิดเรื่อง American decline (การถดถอยของสหรัฐอเมริกา) หรือแนวคิดเรื่อง Post-Western era (สังคมโลกยุคหลังตะวันตก)

American decline ความจริงสะท้อนการถดถอยของ "มหาอำนาจอันดับหนึ่ง" ในแง่ของการเมืองโลก แต่ผมจะยกตัวอย่างที่กระทบต่อชีวิตคนอเมริกันที่ครั้งหนึ่งถือเป็น "คนตะวันตกตัวอย่าง" ที่โลกอื่นๆ เฝ้ามองอย่างอิจฉา

ตอนนี้ คุณภาพชีวิตของคนอเมริกันแย่ลง เศรษฐกิจถดถอย วัฒนธรรมหยุดนิ่ง ในเรื่องนี้ เดวิด เลออนฮาร์ด (David Leonhardt) ผู้สื่ข่าวที่มีชื่อเสียงชาวอเมริกัรได้เขียนไว้ให้ The New York Times เมื่อปี 2021 ว่า "รายได้ ความมั่งคั่ง และอายุขัยในสหรัฐอเมริกาได้หยุดนิ่งในส่วนของประชากรส่วนใหญ่ ส่งผลให้เกิดอารมณ์โกรธแค้นในระดับชาติและยิ่งทำให้ความแตกแยกทางการเมืองรุนแรงขึ้น ผลที่ตามมาคือรัฐบาลที่ทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่"

นี่คือประเด็นสำคัญ เพราะเมื่อคุณภาพชีวิตแย่ลง ทำให้ประชาชนเริ่มผิดหวังกับ "สถาบันหลักของรัฐ" จนกระทั่งนำไปสู่ความแตกแยกทางการเมือง อย่างที่เราเห็นในเวลานี้คือสังคมอเมริกันแตกแยกเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว และกลุ่มเสรีนิยมสุดโต่ง ทั้งสองฝ่ายยิ่งทำให้คนในสังคม "อยู่ยาก" เพราะต่างฝ่ายไม่ลดราวาศอกกัน ไม่ปรองดองกันเพื่อร่วมพัฒนาประเทศ และสุดท้ายสังคมยิ่งวุ่นวาย

การเหยียดผิวเหยียดเชื้อชาติยิ่งรุนแรง การเกลียดชังคนร่ำรวยยิ่งรุนแรงขึ้น

เพราะความสุดโต่งของสังคมอเมริกัน ทำให้คนอเมริกันหนีออกจากประเทศตัวเองมากขึ้น

ผมได้เห็น "คอนเทนต์" ของคนแอฟริกัน-อเมริกันจำนวนมากที่ตัดสินใจมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย พากันชื่นชมชีวิตที่เป็น "ชีวิตจริง" ในไทย ที่ไม่ต้องผวากับการถูกยิงง่ายๆ และของกินของใช้ราคาสมเหตุผล ที่สำคัญ คนไทยเป็นมิตรและพร้อมอ้าแขนรับคนต่างชาติ ต่างจากโลกตะวันตกทุกมุมในเวลานี้ที่เดือดพล่านไปด้วยกระแสต่อต้านคนต่างชาติ ผู้อพยพ และ "คนที่ไม่ใช่พวกเรา" (คนผิวขาว)

คนแอฟริกัน-อเมริกันกำลังช่วยโปรโมทความน่าอยู่ของไทย พร้อมๆ กับที่เสียดายบ้านเกิดของพวกเขาที่ตกต่ำจนอยู่กันไม่ได้

พอมีคำถามประเภท "เมืองไทยปลอดภัยไหม?" หรือ "เมืองไทยเป็นโลกที่สามไม่ใช่เรอะ?" คนเหล่านี้ก็จะมีปฏิกิริยาในทันที ด้วยการตอบคำถามคาใจให้ชัดว่าไทยไม่ใช่ล้าหลังและเมืองไทยปลอดภัยกว่าสหรัฐฯ เสียอีก

แม้ Expat กลุ่มนี้จะมีน้อยคน แต่ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่จะมีความหวังกับไทยอย่างมาก แน่นอน พวกเขาพร้อมที่จะปกป้องไทยด้วย

ไม่ใช่แค่คนอเมริกัน แต่ยังมีคนอังกฤษและคนยุโรปจากส่วนต่างๆ ของทวีปเดินทางมาอาศัยในไทย ยังไม่นับคนที่เที่ยวไทยครั้งแล้วครั้งเล่าจนเหมือนบ้านของตัวเอง

พวกเขาอยู่ในไทยด้วยตัวเอง เดินทางไปทั่วไทยเองโดยไม่ต้องอาศัยโฆษณาชวนเชื่อ จึงเชื่อมั่นอย่างแท้จริงว่า "ประเทศไทยเป็นที่พักพิงให้กับชาวโลกได้"

แม้แต่ในเวลาที่ไทยทำสงครามกับกัมพูชา หรือแม้แต่ในเวลาที่การโจมตีที่ภาคใต้เกิดขึ้นเป็นระยะ ก็ไม่ได้ทำให้ความเชื่อมั่นของชาวตะวันตกเหล่านี้ลดน้อยลง

ตรงกันข้ามในช่วงเวลาของความขัดแย้งก็ยังเกิดไวรัลที่เรียกว่า Thailand is calling ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่มาจากประเทศตะวันตกทำคลิปประกาศการเดินทางมายังไทยกันอย่างสนุกสนาน ทั้งๆ ที่มีการยิงกันตูมตามที่ชายแดน ทั้งยังเป็นหน้าฝนที่ฟ้าไม่ใสและหาดมีแต่คลื่น - พวกเขาก็ยังแห่มาไทย

ความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยนี้เกิดจากความ "สูญเสียความเชื่อมั่นในสังคมตะวันตก" ที่หนักขึ้นทุกทีเนื่องจากตอนนี้เราอยู่ในยุค Post-Western era กันแล้ว อันเป็นยุคที่โลกตะวันตกมาถึงจุดพีคและจะคล้อยต่ำลง ด้วยสาเหตุเดียวกับ American decline นั่นเอง

แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ประชาชนหมดความเชื่อมั่นในโลกตะวันตกก็คือ พวกเขาไม่เชื่อใน Narrative หรือ "เรื่องเล่าที่ครอบงำความคิด" ของตะวันตกอีกต่อไป 

เช่น Narrative ที่สั่งสอนกันว่าตะวันตกจะไม่มีวันพบกับ "วันที่ตะวันตกดิน" แต่พอเกิดความเสื่อมขึ้นมา ประชาชนก็รู้ตัวว่าถูกหลอกจากสถาบันอำนาจ

ความเสื่อมนี้ยังถูกเร่งด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม ซึ่งสนับสนุนความหลากหลายทางเชื้อชาติ แต่พอยุโรปเปิดรับผู้อพยพจากดินแดนอื่น สังคมก็เละตุ้มเป๊ะ เต็มไปด้วยอาชญากรรม และพวกนั่งกินนอนกินรับสวัสดิการแต่ไม่ทำงานทำการ 

พูดง่ายๆ คือระบอบการเมืองของตะวันตก "เสรี" ก็จริงแต่ไม่สอดคล้องกับ "ค่านิยม" จากภายนอก

ครั้นจะไล่พวกนี้ไปก็ทำไม่ได้ เพราะหาไม่แล้วจะขัดต่อหลักการประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมที่ตนเองโฆษณาชวนเชื่อ ดังนั้น สังคมและการเมืองในยุโรปจึงอีรุงตุงนังไปหมด มีทั้งหาทางออกทางการเมืองไม่ได้ และยังต้องทนกับอาชญากรรมและความขัดแย้งทางวัฒนธณรมที่รุนแรวขึ้นเรื่อยๆ 

ยุโรปและสหรัฐฯ ชอบดูแคลน "ประเทศซีกโลกใต้" (เช่น ไทย) โดยสร้าง Narrative  ว่าไม่เป็นประชาธิปไตยในแบบของตะวันตกและตะวันตกต้องช่วยเหลือ (ทั้งๆ ที่เราก็มีประชาธิปไตยเพียงแต่มี "รสชาติ" ในแบบของตนเอง) 

ส่วนสื่อของตะวันตกที่ติดอยู่กับ Narrative ที่ดูแคลนประเทศซีกโลกใต้ ก็มักจะทำคอนเทนต์เพื่อทำให้ตัวเองดูประเสริฐ ส่วน "ตะวันออก" คือดินแดนที่ไม่โปร่งใสและดำมืด (อันเป็นที่มาของชื่อสารคดีว่า Thailand: The Dark Side of Paradise) เพื่อให้ตะวันตกอันรุ่งโรจน์มาช่วย "ปลดปล่อย" ดินแดนเหล่านี้โดยใช้ค่านิยมของพวกเขาเอง
 
แต่ปรากฏว่าตอนนี้สังคมตะวันตกเกิดสนิมกินเนื้อในตนขึ้นมา เพราะเชื่อมั่นในลัทธิการเมืองของตนจนเกินเหตุ 

ทั้งหมดที่เกิดขึ้นคือส่วนผสมแห่งหายนะที่ทำให้คนตะวันตกหมดหวังกับบ้านเมืองตัวเอง และหลายคนย้ายมาอยู่ไทย (หรือแม้แต่จีนและเวียดนาม) เพื่อแสวงหาสังคมที่พวกเขาไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง ไม่ต้องมีค่าครองชีพที่สูงลิ่ว ไม่ต้องจ่ายภาษีเพื่อเลี้ยงคนนอก และไม่ต้องทนกับรัฐบาลที่หลอกตัวเองกับประชาชนไปวันๆ 

เมื่อคนตะวันตกเดินทางมาเที่ยวไทยและมาอยู่ที่ไทย พวกเขาจึงพบความจริงว่า Narrative ที่สถาบันต่างๆ ในตะวันตกป้ายสีไทยและ "ตะวันออก" เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ

และยังพบความจริงที๋โหดร้ายด้วยว่า ไทยพัฒนาอย่างรวดเร็ว แม้ไม่มีสวัสดิการถ้วนหน้า แต่การรักษาพยาบาลครอบคลุม การคมนาคมที่สะดวกสบาย ข้าวปลาอาหารหากินได้ 24 ชั่วโมง แม้แต่สัญญาณอินเทอร์เน็ตก็ยังดีกว่าเยอรมนีด้วยซ้ำ!

แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ คนไทยไม่ได้เป็นพวกด้อยพัฒนา หากินกับอาชีพสีเทา และเป็นคนขายตัวเหมือนที่สื่อตะวันตกชอบให้ภาพแบบนั้น 

การให้ภาพต่ำๆ แบบนั้นของสื่อแบบ BBC ก็เพราะมันเคยขายได้โดยเฉพาะกับคนตะวันตกที่ไม่เคยออกไปดูโลกภายนอก หรือคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางโลกจนไม่สนใจว่าบ้านเมืองอื่นเขาพัฒนาไปถึงไหนแล้ว 

การสร้าง Narrative ที่ต่ำและเลวร้ายให้ไทยเป็นพฤติกรรมของสื่อตะวันตกเมื่อทศวรรษที่ 2000 ตอนที่ตะวันตกหมิ่นเหม่ที่จะถดถอยเต็มทีแล้ว หลังจากผ่านมา 20 กว่าปีผมไม่คิดว่าจะได้เห็นการทำสารคดีแบบ "ดราม่า" แบบนี้อีก นั่นแสดงว่าการทำงานของสื่อในโลกตะวันตกถดถอยลงจริงๆ 

เมื่อความจริงปรากฏต่อหน้าคนตะวันตกที่รู้จักเมืองไทยทั้งโดยลึกซึ้งและโดยผิวเผิน พวกเขาจึงพร้อมใจกันปกป้องเมืองไทยโดยไม่ต้องร้องขอ 

ไม่ใช่เพราะพวกเขารักเมืองไทย แต่พวกเขาทนไม่ไหวกับการโกหกของสถาบันที่มีอำนาจชี้นำในโลกตะวันตก ซึ่งทำให้พวกเขาเสียดายชีวิตอย่างหนักในช่วงไม่กี่ปีต่อมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโกหกของพวกนั้นได้ทำลายความหวัง หรือแม้แต่ชีวิตใหม่ที่พวกเขาพบเจอในประเทศไทย

บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better

Photo - BBC

TAGS: #BBC #Expat #สารคดี