AOT เคาะจัดตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางแก้ไข ภายใน 60 วัน!! เหตุ ‘กลุ่มคิง เพาเวอร์‘ ขอยกเลิกสัญญาร้านค้าปลอดอากร (Duty Free) ในทุกท่าอากาศยาน AOT
นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 8/2568 เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 "นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย ประธานกรรมการ AOT" เป็นประธานที่ประชุมได้เร่งรัดให้ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT และเพื่อให้การพิจารณาเป็นไปอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย บริษัทฯ จึงเดินหน้าจ้างที่ปรึกษาจาก 2 สถาบันอุดมศึกษาของรัฐฯ ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อร่วมกันศึกษาประเด็นด้านกฎหมาย เศรษฐศาสตร์ การเงิน และการบริหารธุรกิจ เพื่อวิเคราะห์ข้อจำกัดของสัญญาเดิม รวมถึงเสนอแนวทางการแก้ไข ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 60 วัน ก่อนเสนอต่อคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ AOT นัดหารือร่วมกับ KPD เพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย.68) เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป เพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามค่าตอบแทน ที่ KPD ค้างชำระอยู่นั้น ยังไม่เกินวงเงินค้ำประกัน (Bank Guarantee) ที่ KPD วางไว้เป็นหลักประกัน ตามหลักเกณฑ์ในสัญญา ซึ่งถือเป็นหลักประกันทางการเงินของคู่สัญญาในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด
ปัจจุบันรายได้รวม AOT ณ สิ้นปี 2566/2567 อยู่ที่ 6.78 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ของ AOT ราว 83% และจากกลุ่มคิงเพาเวอร์ราว 17% โดยบริษัทฯ มองว่าภาพรวมธุรกิจของ AOT ยังมีศักยภาพการเติบโตแข็งแกร่ง ทั้งธุรกิจการบิน (Aeronautical Revenue) และธุรกิจที่ไม่ใช่การบิน (Non-Aeronautical Revenue) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 54% : 46%
อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีแผนหารายได้เพิ่ม จากแหล่งอื่นๆ เช่น รายได้จากค่าใช้บริการระบบไฟฟ้า 400 Hz ระบบปรับอากาศ PC AIR โครงการผู้ให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น การให้บริการผู้โดยสารภาคพื้นและกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของผู้ประกอบการรายที่ 3 และการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์โดยรอบท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT และมีพื้นที่รวมกว่า 2.5 พันไร่ ซึ่งล่าสุด มีหลายบริษัทฯ ที่ให้ความสนใจและอยู่ระหว่างการเจรจากับ AOT อาทิ กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ การคัดแยกสินค้า และเทรนนิ่งเซ็นเตอร์ เพื่อเข้าร่วมการลงทุนในสัญญาเช่าทั้ง Leasehold (ราชพัสดุ) และ Freehold (กรรมสิทธิ์ AOT) โดยกำหนดระยะยาวสูงสุดถึง 30 ปี ซึ่งจะช่วยหนุนให้ธุรกิจที่ไม่ใช่การบิน (Non-Aeronautical Revenue) เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้บริษัทฯ ขอยืนยันว่าบริษัทฯ ยังคงมีสถานะทางการเงินมั่นคงแข็งแรง และมีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับรองรับโครงการลงทุนในอนาคตและการดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินขององค์กร