“จุลพันธ์” อ้างตัดสิทธิ์คนรวยไม่ได้เงินดิจิทัลหมื่นบาท เพราะ ธปท.-สภาพัฒน์ ขอให้ช่วยแค่กลุ่มเปราะบาง
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาท กล่าวว่า ได้พบกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ที่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเข้าไปรายงานความคืบหน้าผลสรุปคณะอนุกรรมการ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2566 โดยนายกรัฐมนตรี เพียงแต่ตบบ่า ให้กำลังใจ ไม่ได้พูดอะไร และยิ้มให้
รมช.คลัง กล่าวว่า หลังที่ประชุมคณะอนุกรรมการเสนอทางออกเสนอทางเลือกแจกเงิน 3 กลุ่ม ให้นายกฯ ตัดสินใจ ได้รับเสียงวิจารณ์ไม่เห็นด้วยอย่างมากในโซเชียล ยืนยันว่า ไม่หนักใจ และขอชี้แจงว่าข้อสรุปดังกล่าวถือว่ายังไม่เป็นที่สิ้นสุด ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเลือกทางใดทางหนึ่งตามมติคณะอนุกรรมการ ทั้งหมดจะต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีนายเศรษฐา เป็นประธาน ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมสัปดาห์หน้า
สำหรับทั้ง 3 ทางเลือก คือ
1.ให้สิทธิ์เฉพาะกลุ่มเปราะบาง ราว 15-16 ล้านคน โดยใช้ฐานข้อมูลจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้งบประมาณราว 1.5 แสนล้านบาท
2.ตัดกลุ่มผู้มีรายได้โดยวัดจากการยื่นแบบเสียภาษี เฉลี่ยเกิน 25,000 บาทต่อเดือน และ/หรือ มีบัญชีเงินฝากเกิน 1 แสนบาทออก เหลือผู้ได้สิทธิ์ 43 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 4.3 แสนล้านบาท
3.ตัดกลุ่มผู้มีรายได้เกิน 50,000 บาทต่อเดือน และ/หรือ มีบัญชีเงินฝากเกิน 5 แสนบาทออก เหลือผู้ได้สิทธิ์ 49 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 4.9 แสนล้านบาท
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การคัดกลุ่มผู้ได้รับสิทธิ์ เป็นการมองปัญหาที่แตกต่างกันของคณะอนุกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สำนักงานคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มองว่าควรดูแลเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ดังนั้น ทางเลือกที่มีรายได้เกิน 50,000 บาท และ/หรือ มีบัญชีเงินฝากเกิน 5 แสนบาท น่าจะมีความเหมาะสมที่สุด
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้หรือไม่ เป็นการเปลี่ยนไป เปลี่ยนมา หรือไม่ รมช.คลัง กล่าวว่า ไม่ได้บอกว่าเปลี่ยนเป็นการบรรเทากลุ่มเปราะบาง ยืนยันว่า เป็นกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนกรอบการทำงานจะมากน้อย ถ้าบรรลุวัตถุประสงค์ กระตุ้นเศรษฐกิจ ก็เป็นเรื่องที่รับได้
“เมื่อคืน มีเสียงตอบรับจากประชาชนดังมาก เดิมที่มีแต่ความเห็นจากนักวิชาการ จากเดิมไม่แน่ใจว่าประชาชนต้องการเงิน 10,000 บาทหรือไม่ แต่เมื่อวานเสียงดังมาก เห็นชัดว่าประชาชนส่วนใหญ่รอนโยบายนี้” นายจุลพันธ์ กล่าว