"เจ้าสัววิกรม" ให้โอกาสเศรษฐา 1 ทำงาน 1 ปี ถ้าทำไม่ได้เจอกันแน่ มองแจกเงินต้องเคลียร์ให้ชัดแหล่งที่มาของเงิน ติงขึ้นค่าแรงต้องรอบคอบ
นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และประธานมูลนิธิอมตะ เปิดเผยถึงนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องการแก้ปัญหาความยากจนว่า ในประเด็นรัฐบาลกำลังจะไปแจกเงินให้กับประชาชนเป็นการช่วยระยะสั้น เพื่อให้ประชาชนมีเงิน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเม็ดเงินประมาณ 5 แสนล้านบาท หากเม็ดเงินตรงนี้เอาไปให้คนจนจริง ๆ และเมื่อพวกเขาเอาใช้จ่ายก็จะเป็นประโยชน์กับคนจนในระยะสั้น และกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะไม่ยาว
ทั้งนี้ปัญหาก็คือ เงินที่จะนำมาใช้ รัฐบาลจะมีภาระหรือไม่ เพราะมันเป็นเงินส่วนรวม ถ้ามีงบเพียงพอและ มีความสามารถในการหาเงินมาคืนได้ในอนาคตการช่วยประชาชนกลุ่มคนจนจะเป็นประโยชน์ เพราะเงินตรงนี้จะเข้าไปกระตุ้นในภาคการผลิต
สำหรับการปรับลดราคาพลังงานนั้น รัฐบาลต้องไปเปรียบเทียบประเทศเพื่อนบ้านว่ารายได้ต่อหัวของประชากรในระดับเดียวกัน หรือจีดีพีต่อหัว ต้นทุนของค่าครองชีพมันน่าจะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ แล้วค่อยไปดูราคาพลังงานว่าควรอยู่ที่เท่าไหร่ วันนี้ถ้าจะประกาศลดอะไรที่มันเป็นของส่วนรวม มันต้องมีที่มา มีเหตุผล ที่จะต้องไม่กระทบต่อเรื่องการลงทุนด้วย อย่าไปเอาใจประชากรอย่างเดียวต้องดูตัวแม่ในการผลิตด้วย เพราะประเทศจะต้องเดินไปด้วย โรงงาน แหล่งการผลิต ถ้ามีต้นทุนที่สูงก็ไม่สามารถทำได้
ดังนั้นเมื่อรัฐบาลจะทำอะไรก็แล้วแต่ไม่ใช่คุยกับแค่ไม่กี่คน จะต้องมีการศึกษา ทำการบ้าน อย่างเช่น ประเทศเวียดนาม ทำไม 5 ปีที่ผ่านมา เม็ดเงินในการลงทุนของเขามากกว่าถึง 2-3 เท่า ก็เพราะค่าไฟฟ้า ค่าน้ำในเวียดนามมีราคาถูก ต้องพิจารณาปัญหาตรงนี้ด้วย ไม่ใช่นั้นประเทศไทยก็จะขาดความสามารถในการลงทุน เพราะประเทศต่าง ๆ เช่น จีน สิงค์โปร์ เวียดนาม มีเม็ดเงินจากนักลงทุนทั้งสิ้น
ส่วนนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงเป็นสิ่งที่จำเป็นจะไปบอกว่าเราต้องรักษาค่าแรงให้ถูกแบบนี้ คงไม่ยุติธรรมนัก แต่ต้องคิดว่า ถ้าวันนี้เราเป็นผู้ใช้แรงงาน จะอยู่ไหวหรือไม่กับค่าแรงในปัจจุบัน ในสถานการณ์เงินเฟ้อ ต้นทุนค่าครองชีพสูงแบบนี้ การขึ้นค่าแรงต้องไม่ใช่เอาระบบประชานิยมมาขึ้นค่าแรงแบบก้าวกระโดดเช่น จาก 200 บาทเป็น 300 บาท ภายในเวลาเท่านี้ ซึ่งไม่ใช่การบริหารเศรษฐกิจที่เหมาะสม การจะขึ้นค่าแรงควรจะ ขึ้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอนมีเหตุผล
"ที่ผ่านมาเรามีนักการเมืองที่มีผลงานทางเศรษฐกิจกี่คน แต่วันนี้เราได้คนที่เขามีฝีมือ มีผลงาน เขาบริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ผ่านขั้นตอนมา รู้ว่าอะไรถูกควร ปล่อยให้เขาบริหารสัก 1 ปี เมื่อครบแล้วค่อยอัดเต็มที่ ไม่ต้องยั้งมือ ที่พูดไว้ทำได้หรือไม่ วันนั้นถ้าผมมีโอกาสก็จะไปอัดด้วย วันนี้เราเป็นประชาชน เป็นเจ้าของประเทศต้องให้โอกาสเขา คอยดูว่าสิ่งที่เขาพูดมาทำได้กี่เปอร์เซนต์เมื่อครบ 1 ปี สิ่งใดที่เขาทำๆมาได้ เราก็อัดเขา แต่สิ่งไหนที่เขาทำได้เราก็ต้องปรบมือ สนับสนุนเขา ถ้าเราทำแบบนี้ คนเก่ง ๆ ในประเทศเราก็จะมีกำลังใจ เพราะทุกวันนี้ประเทศไทยมีคนเก่งจำนวนมาก แต่ไม่มีใครยอมที่จะมาทำหน้าที่บริหาร เพราะไม่อยากเจ็บตัว"
นายวิกรม กล่าวว่า คนที่มาทำหน้าที่บริหารประเทศถ้าเขาสามารถตั้งใจกับงานและหน้าที่รับผิดชอบได้เต็ม 100 โดยที่ไม่ต้องมีใครไปยุ่งกับเขา ปล่อยให้เขาทำงานไปก่อน สุดท้ายแล้วประโยชน์ก็จะตกอยู่ที่ประเทศ