ซีคอน รีวิวต้นทุนรับสร้างบ้านจ่อปรับขึ้น 10-20% ตามราคาวัสดุ-ค่าแรงทยอยเพิ่มตั้งแต่ปลายปี ลงทุนโรงงานพรีคาสท์ เพิ่มโอกาสรับงานโครงการฯในอนาคต เซ็ตรายได้ปี66 แตะ 2,500 ล้านบาท
ในปี 2566 บริษัทซีคอน จำกัด ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์กลุ่มรับสร้างบ้าน มองเห็นปัจจัยบวกที่จะผลักดันให้ตลาดรับสร้างบ้านในปีนี้ มีมูลค่าอยู่ที่ราว 13,250 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 6% มีมูลค่า 12,500 ล้านบาท (ข้อมูลจากสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน)
มนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีคอน จำกัด กล่าวว่าหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ทำให้ตลาดอสังหาฯรับสร้างบ้านเติบโตเพิ่มต่อเนื่องจากปีก่อน
โดยเฉพาะจากรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการแยกออกมาจากครอบครัวใหญ่ ต้องการมีบ้านของตัวเองในพื้นที่อื่น รวมถึงความต้องการบ้านขนาดเล็กเริ่มกลับมา ปัจจัยหนุนให้ตลาดรับสร้างบ้านฯ ยังขยายตัวมาโดยตลอด
ลงทุนโรงงานพรีคาสต์ รับอนาคตตลาดสร้างบ้านโตแรง
จากแนวโน้มดังกล่าว บริษัทเตรียมใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูป (พรีคาสต์) แห่งที่2 บนเนื้อที่กว่า 26 ไร่ บริเวณลำลูกกาคลอง12 วางเป้าหมายการผลิตเต็มกำลังการผลิต 120,000 ชิ้นต่อปี โดยในระยะ(เฟส) แรก จะผลิต60,000 ชิ้นต่อปี เพื่อรองรับการขยายตัวธุรกิจในอนาคต
มนู กล่าวอีกว่าในปีนี้ บริษัทวางแผนงาน ผ่าน3 แนวทางหลัก คือ หนึ่ง ด้านความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญการใช้วัสดุนวัตกรรมคุณภาพเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอง ด้านการตลาดออนไลน์และออฟไลน์ ด้วยเครื่องมือการตลาดใหม่ๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ และ สามการพัฒนาโปรดักส์ใหม่ โดยเตรียมแบบบ้านใหม่สไตล์โมเดิร์น มินิมอล จากปัจจุบัน ซีคอน มีมากกว่า 200 แบบบ้าน
“ปีนี้ บริษัทวางงบลงทุนรวมกว่า 160 ล้านบาท แบ่งเป็นงบการตลาดออนไลน์และออฟไลน์ ราว 35 ล้านบาท ที่เหลือสำหรับลงทุนโรงงานพรีคาสต์เฟสแรก พร้อมวางเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 2,500 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนมีรายได้ 1,920 ล้านบาท” มนู กล่าว
ทบทวนต้นทุนสร้างบ้าน เตรียมปรับขึ้น 10-20%
สุรเชษฐ์ สายนุช ผู้อำนวยการสายงานปฏิบัติการ บริษัทซีคอน จำกัด โดยดูแลในส่วนของ SEACON ID ให้บริการครบวงจรการสร้างบ้านตามแบบลูกค้า กล่าวว่าบริษัทอยู่ระหว่างทบทวนต้นทุนการดำเนินการรับสร้างบ้าน ซึ่งอาจมีแผนปรับราคาขึ้นราว 10-20% เป็นไปตามราคาวัสดุก่อสร้าง บางรายการที่ทยอยปรับขึ้นราคาไปตั้งแต่ปีที่ผ่านมา รวมถึงต้นทุนค่าแรงงานจากซัพพลายเออร์ผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่มีการปรับขึ้นไปแล้ว 10-20% ในปลายปี 2565
อย่างไรก็ตามจากภาพรวมเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว และความต้องการสร้างบ้านของลูกค้ารายบุคคลยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยบริษัทพบว่าตลาดต่างจังหวัดยังมีความต้องการสร้างบ้านมูลค่ามากกว่า 15 ล้านบาทขึ้นไป เห็นได้ชัดในภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และบางจังหวัดในภาคเหนือ อาทิ เชียงใหม่
นอกจากนี้ ซีคอนไอดี ยังมองเห็นโอกาสในตลาดรับสร้างบ้านระดับโครการที่อยู่อาศัยในอนาคตเช่นกัน หากโรงงานพรีคาสต์ของซีคอน ก่อสร้างแล้วเสร็จ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนเพื่อดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านในระดับโครงการฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบัน ซีคอนไอดี มีสัดส่วนหลัก 80% จากการรับสร้างบ้านกลุ่มขนาดใหญ่
ขณะที่ภาพรวมการรับสร้างบ้านของซีคอน แบ่งออกเป็น กลุ่มบ้านขนาดเล็ก ราคา2-4.9 ล้านบาท (200 ตร.ม.) สัดส่วน 15% กลุ่มบ้านขนาดกลาง ราคา 5-7.9 ล้านบาท (ขนาด200-350 ตร.ม.) สัดส่วน 35% และขนาดใหญ่ ราคา 8-50 ล้านบาท (ขนาด351 ตร.ม.ขึ้นไป) มีสีดส่วน 50%