แบงก์ไทย-กัมพูชา หนุนใช้เงินสกุลเงินท้องถิ่น รับชำระค่าสินค้าและบริการระหว่างกันผ่านคิวอาร์โค้ดแอปธนาคาร คาดช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว-การค้าชายแดน
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบถึงความร่วมมือระหว่าง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ ธนาคารกลางกัมพูชา (National Bank of Cambodia) ในโครงการบริการชำระสินค้าด้วยระบบคิวอาร์โค้ด (Interoperable QR Code) โดยสามารถใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการชำระได้ ซึ่งมีจุดประสงค์ในการส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่นให้สามารถเข้าถึงระบบการบริการทางการเงินที่หลากหลายกระตุ้นการท่องเที่ยวและการค้าชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ โดยปัจจุบันเริ่มใช้โครงการระยะที่ 2 แล้ว ส่งผลให้ชาวไทยสามารถชำระเงินด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ดที่กัมพูชาได้เช่นกัน
ทั้งนี้ธนาคารกลางของทั้ง 2 ประเทศ ได้ร่วมมือกันเพื่อพัฒนาระบบการจ่ายเงินด้วยคิวอาร์โค้ดตั้งแต่ปี 2561 เพื่อความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการค้าพรมแดนรองรับปริมาณการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยโครงการความร่วมมือกันดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการระยะแรก ในปี 2563 ซึ่งในระยะแรกได้อำนวยความสะดวกให้ประชาชนกัมพูชา สามารถใช้สกุลเงินท้องถิ่นเพื่อซื้อสินค้าและบริการในร้านค้าปลีกของประเทศไทย ด้วยการชำระผ่านคิวอาร์โค้ดของแอปพลิเคชันธนาคารบนมือถือได้ โดยคิดอัตราแลกเปลี่ยนตามจริงของเวลา ณ ที่จ่าย
ส่วนการดำเนินโครงการในระยะที่ 2 อำนวยความสะดวกให้ประชาชนไทยที่ซื้อสินค้าในกัมพูชา สามารถชำระค่าสินค้าและบริการ ผ่านคิวอาร์โค้ดบนแอปพลิเคชันธนาคาร โดยใช้สกุลเงินบาทได้ ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2566 เป็นต้นมา ทำให้ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ สามารถใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันธนาคารทั้งธนาคารของกัมพูชา และ ธนาคารของไทย เพื่อใช้จ่ายระหว่างกันผ่านคิวอาร์โค้ดได้แล้วทุกธนาคาร
“นายกฯชื่นชมความร่วมมือของระบบธนาคารระหว่างประเทศของไทย และ กัมพูชา ทำให้การชำระค่าสินค้าและบริการสามารถทำได้สะดวกยิ่งขึ้นเชื่อมั่นว่าจะเป็นประโยชน์กับการค้าชายแดน และสัมพันธ์ระหว่างประชาชนในพื้นที่ โดยที่ผ่านมารัฐบาลให้ความสำคัญ สนับสนุนการพัฒนาระบบการเงินการธนาคาร รวมถึงระบบการจ่ายเงินระหว่างประเทศ ให้สอดคล้องกับการปรับตัวสู่สังคมไร้เงินสด ด้วยการบริการด้านการเงินที่รวดเร็วและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น” นายอนุชากล่าว