“โรคใหลตาย” โรคหัวใจทางพันธุกรรมที่มักไม่แสดงอาการล่วงหน้า เสี่ยงเกิดช่วงหลับ พบมากในชายวัยทำงาน 20–50 ปี แพทย์ชี้พักผ่อนไม่พอ–ดื่มหนัก–ขาดเกลือแร่เป็นตัวกระตุ้นสำคัญ
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมคนที่ดูแข็งแรง ใช้ชีวิตปกติ กลับเสียชีวิตกะทันหันในขณะหลับโดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งหลายครั้งไม่ได้เกิดจากโรคใหม่อย่างที่กังวล แต่เป็นภาวะที่เรียกว่า “โรคใหลตาย” (Sudden Unexplained Nocturnal Death Syndrome: SUNDS) โรคหัวใจที่มักไม่แสดงอาการล่วงหน้า และเกิดขึ้นขณะนอนหลับ
พญ.ฐานิกา วุทธชูศิลป์ อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคหัวใจ ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลวิมุต อธิบายว่า โรคใหลตายเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรง จนเลือดไม่สามารถสูบฉีดไปเลี้ยงสมองได้ทัน ส่งผลให้หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน โดยเฉพาะช่วงที่หัวใจเต้นช้าลงระหว่างหลับ
กลุ่มเสี่ยงต้องระวัง—พักผ่อนไม่พอเป็นตัวกระตุ้นสำคัญ
โรคใหลตายพบมากในเพศชายวัยทำงาน 20–50 ปี รวมถึงผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจอายุน้อย แพทย์ชี้ว่าพฤติกรรมบางอย่างอาจกระตุ้นให้ภาวะนี้เกิดขึ้นได้ เช่น
-
พักผ่อนน้อย ทำงานหนัก
-
มีไข้สูง
-
ดื่มแอลกอฮอล์มาก
-
ขาดวิตามินบี1
-
กินคาร์โบไฮเดรตแบบไม่สมดุล เช่น ข้าวเหนียว–ขนมปัง มากเกินไปจนทำให้ขาดโพแทสเซียม
-
ใช้ยาบางชนิด เช่น ยานอนหลับ ยาต้านเศร้า หรือยารักษาโรคหัวใจบางประเภท
สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
แม้โรคใหลตายมักเกิดแบบเฉียบพลัน แต่บางรายอาจมีอาการเตือนล่วงหน้า ได้แก่
-
ใจสั่นผิดปกติ
-
เป็นลม หน้ามืด
-
เวียนศีรษะหลังออกกำลังกาย
-
นอนแล้วสะดุ้งหายใจเฮือก คล้ายขาดอากาศ
หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงทันที
พบคนหมดสติ–ปลุกไม่ตื่น เสี่ยงหัวใจหยุดเต้น ต้องช่วยทันที
หากพบคนใกล้ตัวหมดสติหรือปลุกไม่ตื่น ให้รีบโทร 1669 และเริ่มช่วยเหลือขั้นต้น
-
จัดให้นอนราบ เช็กการหายใจ
-
หากไม่หายใจ ให้ทำ CPR ด้วยจังหวะประมาณ 100 ครั้งต่อนาที
-
ทำต่อเนื่องจนทีมแพทย์มาถึง
ป้องกันได้ด้วยการตรวจคัดกรองหัวใจ
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรเข้ารับการตรวจหัวใจเพื่อค้นหาความผิดปกติ เช่น
-
ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)
-
ตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test)
-
ตรวจอัลตราซาวด์หัวใจ (Echocardiogram)
ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง อาจจำเป็นต้องฝัง เครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติ (ICD) เพื่อป้องกันภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง
พญ.ฐานิกาย้ำว่า แม้โรคนี้จะน่ากลัว แต่สามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลโภชนาการ เน้นผัก–ผลไม้เพื่อรักษาสมดุลเกลือแร่ ควบคู่กับการตรวจสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอ
ผู้สนใจปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาลวิมุต ติดต่อศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ชั้น 6 เวลา 08.00–17.00 น. โทร. 02-079-0042 หรือใช้บริการผ่านแอป ViMUT เพื่อจองคิวหรือปรึกษาแพทย์ออนไลน์