นบข.เคาะ 5 มาตรการใหญ่ช่วยชาวนา ปรับโครงสร้างการผลิตระยะยาว พร้อมเปิดดีลส่งออกเพิ่มทั้งจีน–สิงคโปร์ คาดดันราคาข้าวหอมมะลิแตะ 13,000 บาทต่อตัน นายกฯ กำชับทุกหน่วยงานเป็น “เซลส์แมนขายข้าว”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ได้เป็นประธานการประชุม นบข. ครั้งที่ 1/2568 เพื่อกำหนดทิศทางการบริหารจัดการข้าวของประเทศ โดยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานทำหน้าที่เป็น “เซลส์แมน” ในการขายสินค้าไทย และให้รักษาคุณภาพข้าวไทยเพื่อยกระดับการแข่งขัน
นายกรัฐมนตรีเปิดเผยถึงความสำเร็จในการผลักดันการส่งออกข้าวท่ามกลางตลาดโลกที่ผันผวน โดยเฉพาะการบรรลุข้อตกลงขายข้าวให้สาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มเติมอีก 500,000 ตัน หลังได้รับการยืนยันการสนับสนุนสินค้าเกษตรไทยจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนอย่างเป็นทางการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกจากนี้ ไทยยังปิดดีลขายข้าว Food Security ให้กับสิงคโปร์ได้สำเร็จ 100,000 ตัน ซึ่งคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้ราคาข้าวหอมมะลิขยับสูงขึ้นไปอยู่ในระดับ 13,000 บาทต่อตัน ขึ้นไป
ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ 5 เรื่องหลัก โดยมีผลต่อทิศทางนโยบายข้าวปีการผลิต 2568/69 ดังนี้:
1. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี (ปรับวงเงิน)
ปรับลดวงเงินสินเชื่อต่อตันให้สอดคล้องกับราคาตลาดปัจจุบัน โดยมอบหมายให้ ธ.ก.ส. จัดทำรายละเอียดเสนอ ครม.
ข้าวเปลือกเจ้า: ลดจาก 8,000 บาท/ตัน เป็น 5,800 บาท/ตัน
ข้าวเปลือกปทุมธานี: ลดจาก 9,000 บาท/ตัน เป็น 7,600 บาท/ตัน
ข้าวเปลือกเหนียว: ลดจาก 10,000 บาท/ตัน เป็น 8,600 บาท/ตัน
2. ขยายเวลาโครงการชดเชยดอกเบี้ยเก็บสต็อกข้าว
ขยายระยะเวลาโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2566/67 ออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมสิ้นสุด 31 ต.ค. 68 เป็น 30 เม.ย. 69
3. มาตรการดูดซับผลผลิตข้าวส่วนเกินและปรับโครงสร้างการผลิต มาตรการระยะยาวเพื่อปรับโครงสร้างการผลิตและดูดซับผลผลิตส่วนเกิน ประกอบด้วย 3 โครงการย่อย:
โครงการดูดซับข้าวเปลือกนาปี: เป้าหมาย 3 ล้านตันข้าวเปลือก (เน้นข้าวขาว) โดยให้ องค์การคลังสินค้า และ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร รับซื้อใน ราคานำตลาด (บวกไม่เกิน 300 บาท/ตัน)
โครงการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวนาปรังเป็นพืชหลังนา: เป้าหมาย 1 ล้านไร่ สนับสนุนเกษตรกร 2,000 บาท/ไร่ (ไม่เกิน 10 ไร่/ครัวเรือน)
การสนับสนุนการปลูกข้าวคุณภาพสูง (ข้าวประณีต): สนับสนุนเกษตรกร 200 กลุ่ม ผ่านการเชื่อมโยงตลาด (Business Matching) และสนับสนุนเครื่องจักร/อุปกรณ์ที่จำเป็น
4. ทบทวนกฎระเบียบการนำเข้าข้าวภายใต้ WTO
เพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางการค้ากับญี่ปุ่น ที่ประชุมเห็นชอบให้แก้ไขระเบียบฯ โดยเพิ่มปริมาณการนำเข้าสำหรับผู้มีสิทธิแต่ละราย จาก "ไม่เกิน 100 เมตริกตัน/ราย/งวด" เป็น "ไม่เกิน 300 เมตริกตัน/ราย/งวด" ตามการร้องขอของญี่ปุ่น
5. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 4 คณะ
แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 4 คณะย่อย เพื่อติดตามกำกับดูแลและบริหารจัดการข้าวอย่างครอบคลุม ทั้งด้านการผลิต ด้านการตลาด การพิจารณาชดเชยดอกเบี้ยเก็บสต็อก และการติดตามกำกับดูแลระดับจังหวัด
นายอนุทินกล่าวปิดท้ายว่า รัฐบาลพร้อมให้การช่วยเหลือและสนับสนุนเกษตรกรด้วยมาตรการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องชาวนาไทย