TTA รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 แข็งแกร่งต่อเนื่อง รับแรงหนุนค่าระวางเรือเพิ่ม–งานนอกชายฝั่งทะลัก ดันกำไรสุทธิพุ่งกว่าเท่าตัว ขณะที่ฐานะการเงินยังแกร่ง เงินสดเกือบ 7 พันล้านบาท
บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ด้วยรายได้รวม 8,251.3 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 502.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 146% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แรงหนุนสำคัญมาจากธุรกิจขนส่งทางเรือและธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง
สัดส่วนรายได้ของแต่ละกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ขนส่งทางเรือ 22%, บริการนอกชายฝั่ง 60%, เคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร 10%, อาหารและเครื่องดื่ม 6% และการลงทุนอื่น 2%
ธุรกิจขนส่งทางเรือมีอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ยอยู่ที่ 14,185 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อน ส่วนธุรกิจบริการนอกชายฝั่งมีมูลค่างานในมือ (Backlog) สูงถึง 642.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นไตรมาส
ด้านฐานะการเงิน TTA ยังคงแข็งแกร่ง มีเงินสดภายใต้การบริหาร 6.9 พันล้านบาท และมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.38 เท่า ขณะที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนอยู่ที่ 1,506.6 ล้านบาท สะท้อนสภาพคล่องที่ดีของบริษัท
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจไตรมาส 3/2568 ยังคงเติบโตดีตามภาวะตลาด โดยดัชนีเรือซุปราแมกซ์ (BSI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสก่อน และอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์แตะระดับสูงสุดที่ 16,835 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน โดยรายงานของ Clarksons Research คาดว่าการค้าสินค้าแห้งเทกองทั้งปี 2568 จะเติบโต 1.4% และปี 2569 จะเติบโต 2.1% ในหน่วยตัน-ไมล์
ในเดือนกันยายน 2568 ธุรกิจเรือได้ขายเรือซุปราแมกซ์อายุ 24 ปี 1 ลำ ทำให้กองเรือเหลือ 23 ลำ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพและการเติบโตอย่างยั่งยืน
ผลการดำเนินงานของแต่ละกลุ่มธุรกิจ
1. กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ
โทรีเซน ชิปปิ้ง มีรายได้ค่าระวาง 1,819.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน ตามการปรับขึ้นของอัตราค่าระวางเรือตลาดซุปราแมกซ์ โดยอัตราค่าระวางเฉลี่ยอยู่ที่ 14,185 ดอลลาร์ต่อวัน สูงขึ้นทั้งเมื่อเทียบปีต่อปีและไตรมาสต่อไตรมาส อัตราใช้เรือยังอยู่ในระดับสูงที่ 98.7% ทำกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA 378.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อน
2. กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง
เมอร์เมด มาริไทม์ มีรายได้ 4,956.1 ล้านบาท แม้ลดลง 5% จากผลกระทบด้านอัตราแลกเปลี่ยน แต่รายได้ในสกุลดอลลาร์สหรัฐยังเพิ่มขึ้น รายได้จากงานรื้อถอนและติดตั้งเติบโตอย่างเด่นชัด อัตราใช้เรือวิศวกรรมใต้ทะเลเพิ่มเป็น 94% เมอร์เมดกลับมามีกำไร โดยทำกำไรสุทธิส่วนของ TTA ที่ 365.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 1,561% จากปีก่อน
3. กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร
PMTA มีรายได้ 787.6 ล้านบาท ลดลง 18% จากยอดขายปุ๋ยที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาลและพฤติกรรมกักตุนก่อนขึ้น VAT ในไตรมาส 3 อย่างไรก็ตาม ปริมาณการส่งออกปุ๋ยกลับเพิ่มขึ้น 198% บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนของ TTA ที่ 19.3 ล้านบาท
4. กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
– พิซซ่า ฮัท มีสาขา 203 แห่งทั่วประเทศ (TTA ถือหุ้น 70%)
– ทาโก้ เบลล์ มีสาขา 38 แห่งทั่วประเทศ (TTA ถือหุ้น 70%)
5. กลุ่มการลงทุนอื่น
AIM ซึ่ง TTA ถือหุ้น 92.5% ให้บริการด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พร้อมทั้งถือสัมปทานจำหน่ายน้ำประปาในหลวงพระบางผ่านบริษัทย่อย
TTA ย้ำเป้าหมายเดินหน้าพัฒนาประสิทธิภาพทุกกลุ่มธุรกิจ พร้อมรักษาความแข็งแกร่งทางการเงินเพื่อรองรับการเติบโตระยะยาวขององค์กร