ปีนี้นอกจากเคลียร์งานส่งท้ายปี พนักงานออฟฟิศยังต้องไม่ลืม “เดดไลน์” ลดหย่อนภาษี ตรวจสอบสิทธิ์ PVD, ประกัน, RMF และ ThaiESG ให้ครบ เพื่อประหยัดภาษีและสร้างเงินออมสำหรับอนาคต
ใกล้สิ้นปีแล้ว นอกจากเคลียร์งานส่งท้ายปี พนักงานออฟฟิศยังมี “เดดไลน์” สำคัญเรื่องภาษี การวางแผนลดหย่อนภาษีให้ครบทุกสิทธิ์สามารถช่วยประหยัดเงินและสร้างเงินออมเพื่ออนาคตได้
สำหรับมนุษย์เงินเดือน การวางแผนลดหย่อนต้องเริ่มจากตรวจสอบสิทธิ์เดิมที่มีอยู่ เช่น PVD (กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ) ที่นับรวมในโควต้าลดหย่อนเกษียณ 500,000 บาท และสวัสดิการของบริษัท เช่น ประกันสุขภาพกลุ่มหรือประกันสังคม เพื่อไม่ให้ซื้อซ้ำซ้อน
เครื่องมือยอดนิยมสำหรับลดหย่อนภาษี
-
ประกันชีวิต/ประกันสุขภาพ: ลดหย่อนได้รวมสูงสุด 100,000 บาท ช่วยป้องกันความเสี่ยงและสร้างวินัยออม
-
RMF (กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ): ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ ไม่เกิน 500,000 บาท เหมาะสำหรับออมเพื่อเกษียณ ต้องถือครอง 5 ปีขึ้นไป
-
ThaiESG: กองทุนเน้นลงทุนธุรกิจยั่งยืน ลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท เหมาะสำหรับผู้ใช้โควต้าลดหย่อนเกษียณเต็มแล้ว
-
ประกันบำนาญ: ลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท การันตีรายได้หลังเกษียณ
นอกจากนี้ ยังมีสิทธิลดหย่อนอื่นๆ เช่น ดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยสูงสุด 100,000 บาท, เงินบริจาค ลดหย่อนได้ตามจริง หรือสูงสุด 2 เท่า และ มาตรการภาครัฐช่วงปลายปี เช่น Easy E-Receipt หรือ เที่ยวดีมีคืน
เคล็ดลับการซื้อสิทธิ์ลดหย่อน
ตัวอย่าง:
เงินเดือน 40,000 บาท (ไม่มีโบนัส)
เงินได้ทั้งปี = 40,000 × 12 = 480,000 บาท
หักลดหย่อนพื้นฐาน (ส่วนตัว + ค่าใช้จ่าย + ประกันสังคม) สมมติ 169,000 บาท
เงินได้สุทธิก่อนลดหย่อนเพิ่ม = 311,000 บาท
เพื่อไม่ต้องเสียภาษี เป้าหมายคือทำให้เหลือ 150,000 บาท
ดังนั้น ยอดที่ควรซื้อเพิ่มคือ 161,000 บาท
ไม่จำเป็นต้องซื้อเต็มโควต้า แต่ให้พอดีกับฐานเงินได้สุทธิ เพื่อเสียภาษีน้อยที่สุด เช่น พนักงานเงินเดือน 40,000 บาทต่อเดือน หลังหักลดหย่อนพื้นฐาน เงินได้สุทธิก่อนลดหย่อนเพิ่ม = 311,000 บาท แค่ซื้อเพิ่ม 161,000 บาท ก็เหลือเงินได้สุทธิ 150,000 บาท เสียภาษี 0%
สรุปคือ พนักงานออฟฟิศควร คำนวณเงินได้สุทธิ ตรวจสอบสิทธิ์เดิม และเลือกซื้อสิทธิ์ลดหย่อนให้เหมาะสมกับสภาพคล่อง เพื่อประหยัดภาษีสูงสุดและสร้างแผนการเงินที่มั่นคงในระยะยาว