ถกฑูตพาณิชย์ในจีน 8 แห่งชูยุทธศาสตร์เชิงรุกขยายตลาดส่งออก

ถกฑูตพาณิชย์ในจีน 8 แห่งชูยุทธศาสตร์เชิงรุกขยายตลาดส่งออก
‘ศุภจี’แจกการบ้านฑูตพาณิชย์ ถอดรหัสแผนพัฒนาเศรษฐกิจจีน รองรับความต้องการสินค้า มุ่งเจาะตลาดใหม่ตามเทรนด์โลก ดันสินค้าศักยภาพ 5 กลุ่ม

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์  รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมมอบนโยบายแก่ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ประจำจีนทั้ง 8 แห่ง ได้แก่ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว ชิงต่าว เซี่ยเหมิน เฉิงตู คุนหมิงและหนานหนิง ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ทุกแห่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เชิงรุก เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและเพิ่มยอดการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันจีนยังคงเป็นตลาดอันดับหนึ่งของไทย โดยมีมูลค่าการค้าไทย–จีนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม–กันยายน) สูงถึง 108,639.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.08% โดยเป็นมูลค่าการส่งออกของไทย 30,667.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.13% ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของสินค้าไทยในตลาดจีนที่ยังเติบโตได้อีกมาก

“วันนี้โลกการค้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคจีนให้ความสำคัญกับนวัตกรรม คุณภาพ และความยั่งยืน ไม่ใช่ราคาถูกอีกต่อไป ทูตพาณิชย์ของเราจึงต้องเข้าใจและวิเคราะห์ให้ได้ว่า แต่ละมณฑลของจีนมีโอกาสและความท้าทายอย่างไร เพื่อกำหนดกลยุทธ์เจาะตลาดที่ตรงจุด” นางศุภจี กล่าว

นางศุภจี กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ใช้ประโยชน์จาก “เทรนด์ใหม่ของตลาดโลก” และ “พฤติกรรมผู้บริโภคจีนยุคใหม่” ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยผลักดันสินค้าที่มีศักยภาพของไทย 5 กลุ่มหลัก ได้แก่

1.กลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร – ข้าว ผลไม้ไทย เช่น ทุเรียน มะม่วง มังคุด รวมถึงอาหารแปรรูป อาหารพร้อมรับประทาน และเครื่องปรุงรส

2.กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง – อาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง ตอบรับกระแสรักสัตว์ในสังคมเมืองของจีน

3.กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม – รังนก โปรตีนจากพืช น้ำมะพร้าว ผลิตภัณฑ์สปา และบริการสุขภาพ

4.กลุ่มสินค้ารักษ์โลกและความยั่งยืน – บรรจุภัณฑ์ย่อยสลาย เครื่องสำอางออร์แกนิก เสื้อผ้ารีไซเคิล ของตกแต่งบ้านจากวัสดุธรรมชาติ และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

5.กลุ่มสินค้านวัตกรรมและดิจิทัลคอนเทนต์ – อัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าทรัพย์สินทางปัญญา ภาพยนตร์ เกม และแอนิเมชัน

นอกจากนี้ได้สั่งการให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(สคต.) จัดคณะผู้แทนการค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากไทยไปจีนและจากจีนมาไทย เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ เจรจาจับคู่พันธมิตรทางการค้า และเข้าร่วมงานแสดงสินค้าสำคัญในจีน รวมทั้งการส่งเสริมกิจกรรมประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร Thai SELECT และการจัดกิจกรรมกระตุ้นการบริโภคผลไม้ไทยในตลาดจีน

อย่างไรก็ตามได้หารือกับทูตพาณิชย์ถึงแนวทางปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน ภายใต้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 15 ที่นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ประกาศในพิธีเปิดงานแสดงสินค้า China International Import Expo 2025 (CIIE 2025) โดยรัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว นวัตกรรม เทคโนโลยี และการเพิ่มรายได้ของชนชั้นกลาง

“เราจะถอดรหัสแผนพัฒนา 5 ปีของจีนเพื่อดูว่า ไทยสามารถตอบโจทย์ได้ตรงจุดไหน เช่น สินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสัตว์ อาหารสุขภาพ เกม และสินค้าดิจิทัล เพราะจีนกำลังต้องการขยายกลุ่มประชากรที่มีรายได้ปานกลางจาก 400 ล้านคน เป็น 800 ล้านคน นั่นหมายถึงตลาดขนาดมหาศาลที่ไทยต้องเข้าให้ถึง” นางศุภจี กล่าว

นอกจากการมอบนโยบายกับทูตพาณิชย์แล้ว นางศุภจียังได้ใช้โอกาสนี้ หารือกับภาคเอกชนไทยที่ดำเนินธุรกิจในจีน ได้แก่ นายไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน นายวิชัย ทวีสิน รองประธานหอการค้าไทยในจีนและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหยูเนียน (ประเทศจีน) นายสิทธิชัย จิวัฒน์ธนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) นางศิริพร เริงจิตต์ ประธานธนาคารกสิกรไทย (ประเทศจีน) และนายไพบูลย์ ประภัสสรชัยกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จีซี มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่นส์ จำกัด (ในเครือ ปตท.) เพื่อรับฟังปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการดำเนินธุรกิจในจีน โดยเอกชนได้เสนอให้ภาครัฐสนับสนุนด้าน e-commerce, การสร้างภาพลักษณ์สินค้าไทย (Soft Power) และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ–เอกชนไทยกับรัฐบาลท้องถิ่นของจีน เพื่อขยายโอกาสทางการค้าในมิติใหม่ ๆ

“การทำงานต่อจากนี้จะไม่หยุดแค่การเจรจาจับคู่ธุรกิจหรือหาผู้กระจายสินค้า แต่ต้องก้าวไปอีกขั้น คือการสร้างพันธมิตรลงทุนร่วมกัน (Joint Venture) ระหว่างเอกชนไทยและจีน เพื่อร่วมพัฒนาและผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาคของจีน”นางศุภจี กล่าว

ทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จะบูรณาการทำงานร่วมกับ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อคัดเลือกผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพสูง จับคู่กับพันธมิตรจีนที่มีความพร้อมในการลงทุนและทำตลาดร่วมกัน เพื่อให้ “สินค้าไทยครองใจผู้บริโภคจีน” อย่างยั่งยืนในระยะยาว

TAGS: #ฑูตพาณิชย์ #จีน #แผนพัฒนาเศรษฐกิจจีน