เดินหน้าคุมค่ายารพ.เอกชนให้สิทธิเช็คราคาก่อนจ่ายจริงเปิดทางเลือกซื้อยานอก

เดินหน้าคุมค่ายารพ.เอกชนให้สิทธิเช็คราคาก่อนจ่ายจริงเปิดทางเลือกซื้อยานอก
กรมการค้าฯระดมความเห็นเครือโรงพยาบาลเอกชนก่อน MOU ยกระดับเปิดสิทธิผู้ป่วยเลือกซื้อยาเองได้ สร้างความเป็นธรรม  ลดค่าครองชีพประชาชนสอดคล้องนโยบาย Quick big win

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้จัดประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านในการปฏิบัติร่วมกันตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อยกระดับความร่วมมือในการเปิดเผยค่ายาในโรงพยาบาลเอกชน รวมถึงเพิ่มทางเลือกให้ผู้ป่วยสามารถเลือกซื้อยาภายนอกโรงพยาบาลได้

ทั้งนี้ได้หารือร่วมกับ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อขอความร่วมมือจากเครือโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งเดิมมีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการ 5 เครือ แต่ปัจจุบันมีความสนใจเข้าร่วมเพิ่มขึ้นเป็น 9 เครือ จากทั้งหมด 11 เครือ และยังมีโรงพยาบาลอีก 1 แห่ง ทำให้จำนวนโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 300 แห่ง ได้แก่ เครือ BDMS (ดุสิตเวชการ อาทิ รพ.กรุงเทพ รพ.พญาไท เป็นต้น)  เครือโรงพยาบาลธนบุรี เครือ BCH (กลุ่มโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ และโรงพยาบาลการุญเวช) เครือบางปะกอก-ปิยะเวช เครือรามคำแหง-วิภาราม เครือ PCL (พริ๊นซิเพิล) เครือจุฬารัตน์ เครือนวมินทร์ และเครือสินแพทย์ และโรงพยาบาลหัวเฉียว เข้าร่วมประชุม

การดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้เป็นๆไปตามนโยบายรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ท่านศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่มอบนโยบาย Quick big win ในการลดค่าครองชีพประชาชน โรงพยาบาลเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระ ประชาชนในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน

สำหรับความร่วมมือดังกล่าวเป็นยกระดับการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค ในการ “ขอทราบราคายา” “มีสิทธิ์เลือกซื้อยาจากภายนอกโรงพยาบาลได้” โดย Quick Win MOU มุ่งให้โรงพยาบาลเปิดเผยราคายาก่อนการชำระเงิน และเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยสามารถไปซื้อยาจากภายนอกโรงพยาบาลได้ โดยขั้นตอนต่อไป DIT จะต้องเตรียมความพร้อมกับร้านขายยาที่มีกว่า 19,000 กว่าแห่ง โดยจะประชุมในวันที่ 10 ตุลาคม 68 นี้

อย่างไรก็ดีหลังจากมีการหารือกันทุกด้านแล้วจะเริ่ม Kick off โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ในวันที่ 28 ตุลาคม 2568 และหลังจากนั้นทุกโรงพยาบาลและร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการจะมีป้ายประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบเพื่อใช้บริการได้อย่าวทั่วถึงต่อไป

นายวิทยากร กล่าวว่า ในการแสดงรายละเอียดของโรงพยาบาล จะมี“รายการยาและค่ายา” อย่างชัดเจนในใบแจ้งค่าใช้จ่าย ใบแจ้งหนี้ และใบเสร็จรับเงิน เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถตรวจสอบและเปรียบเทียบราคาได้ และเป็นสิทธิของผู้รับบริการเลือกซื้อยาจากโรงพยาบาลหรือภายนอกโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล โดยทุกฝ่ายจะมีการร่วมมือประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสิทธิในการรับบริการและการเลือกซื้อยาให้ทั่วถึง

นอกจากนี้ในเฟสต่อไปจะขยายมาตรการไปยังคลินิกต่าง ๆ และเข้าไปดูแลเรื่องโครงสร้างราคาต้นทุนยาให้เหมาะสมและเป็นธรรม DIT ย้ำว่าแผนนี้มุ่งเน้นให้ประชาชนได้รับสิทธิ์ในการรักษาพยาบาลอย่างเหมาะสม

”วันนี้กรมการค้าภายใน ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา และเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดทำ MOU เพื่อเปิดเผยราคายาก่อนการซื้อ เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือก โดยเน้นให้ประชาชนคนไทยและชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในไทย สามารถเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์ของโรงพยาบาลในกรณีเร่งด่วนหรือฉุกเฉินได้ แต่ยังคงมีสิทธิ์ เลือกซื้อยาจากภายนอกโรงพยาบาลได้

ความร่วมมือของทุกฝ่ายในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือเพื่อวัตถุประสงค์อย่างเดียวกัน คือ แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน เพิ่มทางเลือก และยกระดับความร่วมมือในการให้บริการของโรงพยาบาลเอกชน นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการในโรงพยาบาลเอกชนมากขึ้น และช่วยลดความแออัดของโรงพยาบาลภาครัฐในภาพรวมด้วย"

TAGS: #กรมการค้าภายใน #โรงพยาบาลเอกชน #ลดค่าครองชีพ