ตลาดบ้านมือสองคึกคัก! ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. เผยจำนวนประกาศขายทั่วประเทศพุ่งกว่า 34.6% ในไตรมาส 2/2568 โดยเฉพาะกลุ่มราคาต่ำกว่า 7.5 ล้านบาทยังครองตลาด มาตรการรัฐ-ดอกเบี้ยขาลงหนุนกำลังซื้อ
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เผยบทวิเคราะห์ตลาดที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศ ไตรมาส 2 ปี 2568 พบว่าตลาดมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน โดยมีจำนวนประกาศขายเพิ่มขึ้น 34.6% และมูลค่าเพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และยังขยายตัวจากไตรมาสก่อน (QoQ) 4.7% และ 26.4% ตามลำดับ
ทั้งนี้ ที่อยู่อาศัยมือสองประกาศขายทั่วประเทศมีจำนวนรวม 189,382 หน่วย มูลค่ารวม 758,502 ล้านบาท โดยผู้ขายหลักยังคงเป็นบุคคลธรรมดาและตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ คิดเป็น 36.3% ของจำนวนหน่วย แต่มีมูลค่าสูงสุดถึง 67% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ส่วนทรัพย์จากกรมบังคับคดีมีจำนวนหน่วยเพิ่มสูงถึง 210% สะท้อนภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังเปราะบาง
ตลาดบ้านเดี่ยวยังนำ โฟกัสกลุ่มราคาไม่เกิน 7.5 ล้าน
ประเภทที่อยู่อาศัยมือสองที่ประกาศขายมากที่สุดยังคงเป็น “บ้านเดี่ยว” สัดส่วน 44.1% ของตลาด รองลงมาได้แก่ ทาวน์เฮ้าส์ (30.1%) และห้องชุด (21.1%) โดยแม้จำนวนห้องชุดที่ประกาศขายจะเพิ่มขึ้น 11.2% แต่กลับมีมูลค่าลดลง 15.6% เนื่องจากมีห้องชุดราคาต่ำเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้ราคาเฉลี่ยลดจาก 6.0 ล้านบาท เหลือเพียง 4.3 ล้านบาท
ตลาดยังคงขับเคลื่อนโดยกลุ่มที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 7.5 ล้านบาท ซึ่งมีการเติบโตของทั้งจำนวนและมูลค่าการประกาศขาย สวนทางกับกลุ่มราคาเกิน 7.5 ล้านบาทที่ปรับลดลง โดยเฉพาะกลุ่มมากกว่า 10 ล้านบาทที่ลดลงถึง 9.8% ในด้านจำนวน และ 6.1% ในด้านมูลค่า
ระดับราคาที่มีการประกาศขายมากที่สุด ได้แก่
-
ไม่เกิน 1 ล้านบาท – 28.6% ของจำนวนหน่วย
-
1.01 – 1.5 ล้านบาท – 15.6%
-
2.01 – 3.0 ล้านบาท – 15.0%
กลุ่มราคาต่ำยังคงได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะทรัพย์จากกรมบังคับคดีที่เสนอราคาถูก มีบทบาทสำคัญในการรองรับกำลังซื้อระดับกลาง-ล่าง
การโอนกรรมสิทธิ์หดตัว YoY แต่ QoQ ฟื้นตัวแรง
แม้ภาพรวมการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมือสองจะลดลงจากปีก่อน (YoY) ทั้งในด้านจำนวน (-8.6%) และมูลค่า (-11.1%) แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) กลับฟื้นตัวได้ดี โดยเพิ่มขึ้น 18.2% และ 16.8% ตามลำดับ
หน่วยการโอนกรรมสิทธิ์มากที่สุดยังคงเป็นบ้านเดี่ยว (41.5%) โดยหน่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท (35.1%) สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่ยังต้องการบ้านราคาจับต้องได้
มาตรการรัฐ – ดอกเบี้ยต่ำ หนุนตลาด
REIC ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ช่วยพยุงและกระตุ้นตลาดบ้านมือสอง ได้แก่
-
มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง มีผลถึง 30 มิ.ย. 2569
-
การลดดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง ลงมาอยู่ที่ 1.50% ณ ไตรมาส 2/2568
-
มาตรการ LTV จากธปท. ที่ผ่อนปรน ทำให้ผู้ซื้อเข้าถึงสินเชื่อง่ายขึ้น
แนวโน้มในไตรมาส 3 และ 4 ของปี 2568 คาดว่าตลาดบ้านมือสองจะยังคงได้รับแรงสนับสนุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มราคาต่ำกว่า 7.5 ล้านบาท ที่ตอบโจทย์ผู้ซื้อทั้งด้านทำเลและราคา และมีโอกาสผลักดันการโอนกรรมสิทธิ์ให้ปรับตัวดีขึ้น
กรุงเทพฯ ครองแชมป์ตลาดมือสอง
10 จังหวัดที่มีมูลค่าประกาศขายสูงสุด ได้แก่
-
กรุงเทพมหานคร
-
นนทบุรี
-
สมุทรปราการ
-
ชลบุรี
-
เชียงใหม่
-
ปทุมธานี
-
ภูเก็ต
-
สุราษฎร์ธานี
-
นครปฐม
-
ระยอง
โดยกรุงเทพฯ มีหน่วยขายมากที่สุด 43,274 หน่วย (22.9%) และมูลค่ารวม 344,257 ล้านบาท (45.4%) ของทั้งประเทศ แม้จำนวนเพิ่มขึ้น 2.1% แต่กลับมีมูลค่าลดลงถึง 10.9% สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างราคาในตลาดเมือง