‘พาณิชย์’มองแนวโน้มส่งออกถึงสิ้นปีเริ่มเห็นผลชัดเจนจากภาษีสหรัฐ แม้ชะลอตัวแต่ยังไม่หลุดเป้าหมาย ขณะที่ส่งออกข้าวกระทบหนักจากอุปทานล้น 8 เดือนลดลง 30 %
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าการส่งออกของไทยในเดือนสิงหาคม 2568 มีมูลค่า 27,743.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (889,014 ล้านบาท) ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ที่ร้อยละ 5.8 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว ที่ร้อยละ 5.4 ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราชะลอลงมากขึ้น หลังจากมีการบังคับใช้อัตราภาษีศุลกากรต่างตอบแทนของสหรัฐฯ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาคม
ทั้งนี้ผู้นำเข้าส่วนใหญ่มีความชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับการวางแผนจัดการความเสี่ยงด้านราคา แม้ว่าระดับสินค้าคงคลังในสหรัฐฯ จะเริ่มมีทิศทางเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ แต่ยังคงเห็นการขยายตัวในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่สินค้าเกษตรได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันด้านราคา อาทิ ข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง โดยการส่งออก 8 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวที่ร้อยละ 13.3 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวที่ร้อยละ 13.3
สำหรับมูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนสิงหาคม 2568 การส่งออก มีมูลค่า 27,743.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 5.8 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 29,707.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 15.8 ดุลการค้า ขาดดุล 1,964.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ภาพรวม 8 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออก มีมูลค่า 223,175.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 13.3 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 224,880.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 11.3 ดุลการค้า ขาดดุล 1,704.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนสิงหาคม 2568 การส่งออก มีมูลค่า 889,014 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 5.5 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 964,331 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 3.6 ดุลการค้า ขาดดุล 75,317 ล้านบาท ภาพรวม 8 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออก มีมูลค่า 7,396,314 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 7,544,896 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 3.0 ดุลการค้า ขาดดุล 148,582 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มีมูลค่าหดตัวร้อยละ 10.7 (YoY) หดตัวในรอบ 4 เดือน โดยสินค้าเกษตร หดตัวร้อยละ 13.6 กลับมาหดตัวในรอบ 4 เดือน รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 7.2 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน
ด้านสินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง หดตัวร้อยละ 16.9 ในตลาดจีน เวียดนาม สหรัฐฯ ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ,ยางพารา หดตัวร้อยละ 27.9 โดยเฉพาะข้าว หดตัวร้อยละ 30.1 หดตัวต่อเนื่อง 10 เดือน ในตลาดสหรัฐฯ แอฟริกาใต้ เซเนกัล อิรัก และโมซัมบิก เนื่องจากอุปทานข้าวในตลาดมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก รวมถึงอินเดียวมีการส่งออกข้าวเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ ขยายตัวร้อยละ 26.1 ไก่แปรรูป ขยายตัวร้อยละ 1.3 ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ขยายตัวร้อยละ 16.6 กุ้งสด แช่เย็น แช่แข็ง ขยายตัวร้อยละ 7.0
สำหรับการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 11.2 (YoY) ขยายตัวต่อเนื่อง 17 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 44.1เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 10.2 แผงวงจรไฟฟ้า ขยายตัวร้อยละ 37.0 เป็นต้น
ส่วนการส่งออกไปตลาดสำคัญยังคงขยายตัวต่อเนื่อง แม้จะชะลอลงจากการเร่งนำเข้าในช่วงก่อนที่มาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ โดยขยายตัวทั้งในตลาดหลัก อาทิ สหรัฐฯ จีน และอาเซียน และตลาดรอง อาทิ เอเชียใต้ แอฟริกา ลาตินอเมริกา และสหราชอาณาจักร
อย่างไรก็ตามแนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 2568 คาดว่าจะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยยังคงเป้าหมายส่งออกปีนี้ขยายตัวไว้ที่ 2-3 % และเชื่อว่าจะขยายตัวมากกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ แม้ยังมีความกังวลต่อผลกระทบจากมาตรการภาษีต่างตอบแทนของสหรัฐฯ ผ่อนคลายลง หลังสหรัฐฯ บรรลุการเจรจาและทำข้อตกลงการค้ากับหลายประเทศและภูมิภาค โดยกำหนดอัตราภาษีต่างตอบแทนที่ปรับลดลงจากอัตราเดิมที่เคยประกาศไว้ ในส่วนของไทยอยู่ในอัตราที่ใกล้เคียงกับหลายประเทศในภูมิภาค
ทั้งนี้การเร่งนำเข้าไปในช่วงก่อนหน้าและอุปสงค์ที่อ่อนแอ คาดว่าการสะสมสินค้าคงคลังเพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตจะเริ่มชะลอลง สถานการณ์การค้าชายแดนที่ยังคงยืดเยื้อ นโยบายเร่งการส่งออกข้าวของอินเดีย เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ยังคงเป็นปัจจัยกดดันผู้ส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปี
ทางกระทรวงพาณิชย์จะเร่งเดินหน้าเพื่อขับเคลื่อนภารกิจและนโยบายที่เกี่ยวข้อง ทั้งเร่งรัดการเจรจาความตกลงฉบับต่างๆ ให้แล้วเสร็จ เร่งขยายตลาดส่งออกใหม่ ๆ ขับเคลื่อนการขยายช่องทางการค้าดิจิทัลกับอาเซียน และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการรับมือกับการเบี่ยงเบนเส้นทางการค้า เพื่อยังคงรักษาอัตราการเติบโตของการส่งออกให้ได้ตามเป้าหมายการทำงาน (Working Target) ที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเอาไว้