มช. จับมือ “วิโนน่า อินเตอร์เนชั่นแนล” ผลักดันงานวิจัยสู่ผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อสตรีวัย 45+ ที่พิสูจน์ผลลัพธ์ในมนุษย์แล้ว
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) จัดพิธีแถลงข่าวการอนุญาตใช้สิทธิเทคโนโลยี (Licensing) และลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับบริษัท วิโนน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อยกระดับงานวิจัยและนวัตกรรมด้านสุขภาพสู่การใช้ประโยชน์จริงในภาคอุตสาหกรรมและสังคม โดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับสตรีวัยทองและผู้สูงอายุ ณ อาคารอำนวยการ อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่
ศ.ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า มช. ให้ความสำคัญกับการเป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรม ตั้งแต่งานวิจัยพื้นฐานไปจนถึงการถ่ายทอดสู่ภาคเอกชน เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ โดยความร่วมมือกับภาคธุรกิจจะช่วยให้โจทย์วิจัยมีความชัดเจนและนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์สังคมได้จริง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้นักวิจัยและนักศึกษาได้เรียนรู้จากการทำงานร่วมกับอุตสาหกรรม
นายอิทธิพล ศรีอิทยาจิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิโนน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ระบุว่า การร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการนำนวัตกรรมงานวิจัยของมหาวิทยาลัยออกสู่ตลาดจริง โดยเชื่อมั่นในความเข้มแข็งของงานวิจัยและการทดสอบทางคลินิกจากทีมแพทยศาสตร์และเภสัชศาสตร์ และยังเตรียมต่อยอดผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความต้องการของผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มประชากรสำคัญในอนาคต
นายอิทธิพล กล่าวด้วยว่า ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ของวิโนน่าที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้หญิงไทยวัย 45+ ให้ก้าวข้ามข้อจำกัดทางฮอร์โมนมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ห่างไกลการพึ่งพายา และยังเป็นการผลักดันนวัตกรรมไทยจากหิ้งสู่ห้าง เพื่อส่งมอบคุณค่าของงานวิจัยไทยให้ถึงมือผู้บริโภคอย่างแท้จริง พร้อมวางจำหน่ายภายใต้แบรนด์ วิโนโพลิส และ วินาพาร่า
ผศ.ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ รองอธิการบดีด้านนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า มช. มีกลไกสนับสนุนงานวิจัยครบวงจร ตั้งแต่การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การอนุญาตใช้สิทธิ (Licensing) การจัดตั้งบริษัท Tech Spin-Off ผ่านบริษัท อ่างแก้วโฮลดิ้ง จำกัด รวมถึงการส่งเสริมให้ผลงานวิจัยถูกนำไปใช้จริงในตลาด ซึ่งสร้างแรงจูงใจให้นักวิจัยพัฒาผลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง
รศ.ดร.นพ.ศุภนิมิต ทีฆะชุณเถียร หัวหน้าภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากงานวิจัยได้ถูกนำออกไปทดสอบตลาดตั้งแต่ปี 2566 และพบว่าสามารถสร้างยอดขายจริง สะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคในกลุ่มสตรีวัยทอง
ด้านคุณนพรัตน์ สุขสราญฤดี ผู้ก่อตั้งบริษัท วิโนน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า จุดแข็งของผลิตภัณฑ์นี้คือผลการวิจัยที่ผ่านการสอบในมนุษย์แล้ว ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งวิโนน่ามีประสบการณ์ดูแลตลาดผู้หญิงอายุ 45+ มานานกว่า 10 ปี
และเข้าใจปัญหาของตลาดกลุ่มนี้อย่างลึกซึ้ง สินค้าในมือของเราจึงแตกต่างจากสินค้าในตลาดทั่วไป ด้วยความเป็นนวัตกรรมที่เลียนแบบยาก ไม่ว่าด้านผลิตภัณฑ์ องค์ความรู้ และเทคโนโลยี ซึ่งถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับผู้หญิงวัย 45+
"เรามั่นใจว่าแบรนด์ใหม่นี้จะได้รับการตอบรับที่ดี เพราะเราเข้าใจปัญหาของผู้หญิง 45+ มาอย่างยาวนาน ผู้หญิงวัยนี้ไม่ได้มีปัญหาแค่เรื่องริ้วรอยหรือความเปลี่ยนแปลงภายนอก แต่รวมถึงภายในที่เรามองไม่เห็น และที่มักถูกมองข้ามคือสุขภาพของกระดูก ซึ่งเชื่อมโยงกับฮอร์โมนที่ลดลงของผู้หญิงวัย 45+ และนั่นคือสิ่งที่เราต้องการจะแก้ปัญหาในเรื่องนี้” คุณนพรัตน์ กล่าวยืนยัน
ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นต้นแบบการผสานพลังระหว่างมหาวิทยาลัยและภาคเอกชน ในการพัฒนานวัตกรรมสุขภาพที่สร้างผลลัพธ์เชิงพาณิชย์ พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยในอนาคต