‘พาณิชย์’ชี้เงินเฟ้อที่ติดลบไม่สะท้อนเกิดภาวะเงินฝืด เกิดจาก 2 ปัจจัยทั้งราคาพลังงานทั้งน้ำมันและค่าไฟฟ้าลดลง ขณะที่กลุ่มพืชผักผลไม้ผลผลิตออกสู่ตลาดมากส่งผลให้ราคาถูกลง คาดไตรมาสสุดท้ายจะกลับมาเป็นบวก
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือนกรกฎาคม 2568 เท่ากับ 100.15 เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2567ซึ่งเท่ากับ 100.86 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงร้อยละ 0.70 (YoY) ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4
ทั้งนี้มีปัจจัยหลักมาจากการลดลงอย่างต่อเนื่องของราคาสินค้าในกลุ่มผักสด ผลไม้สด และของใช้ส่วนบุคคล ประกอบกับราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานลดลง ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก และค่ากระแสไฟฟ้าตามมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก โดยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเฉลี่ย 7 เดือน (มกราคม – กรกฎาคม) ของปี 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 สูงขึ้นร้อยละ 0.21 (AoA)
สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนมิถุนายน 2568 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยลดลงร้อยละ 0.25 (YoY) โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 10 จาก 140 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำเป็นอันดับ 2 จาก 9 ประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ประกาศตัวเลข (บรูไน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา อินโดนีเซีย เวียดนาม สปป.ลาว)
ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ลดลงร้อยละ 0.70 (YoY) ในเดือนนี้ มีการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าและบริการ ดังนี้ หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ 1.72 (YoY) จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มพลังงาน (แก๊สโซฮอล์ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน ค่ากระแสไฟฟ้า) ของใช้ส่วนบุคคล (ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว โฟมล้างหน้า น้ำยาระงับกลิ่นกาย แชมพู สบู่ถูตัว) สิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด (น้ำยารีดผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผลิตภัณฑ์ซักผ้า น้ำยาล้างห้องน้ำ) และเสื้อผ้า (เสื้อยืดบุรุษและสตรี เสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี กางเกงขายาวบุรุษ) ขณะที่มีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาสูงขึ้น อาทิ ค่าเช่าบ้าน ค่าแต่งผมบุรุษและสตรี และค่าอาหารสัตว์เลี้ยง
ส่วนหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 0.84 (YoY) จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (ข้าวราดแกง กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว) กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ (เนื้อสุกร ปลาทู ปลานิล) กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟ (ร้อน/เย็น) น้ำอัดลม) กลุ่มเครื่องประกอบอาหาร (กะทิสำเร็จรูป มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) น้ำพริกแกง น้ำมันพืช) และกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำตาล (ขนมหวาน ไอศกรีม น้ำตาลมะพร้าว)
อย่างไรก็ตาม มีสินค้าหลายรายการที่ราคาลดลง โดยเฉพาะไข่ไก่ ผลไม้สด (ทุเรียน ส้มเขียวหวาน เงาะ มะม่วง มังคุด) ผักสด (กะหล่ำปลี มะเขือ ขิง ฟักทอง มะนาว แตงกวา ฟักเขียว ต้นหอม) และอาหารโทรสั่ง (Delivery)
ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) สูงขึ้นร้อยละ 0.84 (YoY) ชะลอลงจากเดือนมิถุนายน 2568 ที่สูงขึ้นร้อยละ 1.06 (YoY) ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนกรกฎาคม 2568 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2568 ลดลงร้อยละ 0.27 (MoM) ตามการลดลงของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ 0.60 (MoM) จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญโดยเฉพาะเนื้อสุกร เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
ด้านผักสด (ผักชี มะนาว ผักคะน้า แตงกวา ผักกาดขาว ผักบุ้ง ต้นหอม) และผลไม้สด (ทุเรียน มังคุด เงาะ แก้วมังกร ลองกอง) เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย รวมถึงน้ำมันพืช เนื่องจากต้นทุนราคาวัตถุดิบลดลง
อย่างไรก็ตาม มีสินค้าที่ราคาปรับสูงขึ้น อาทิ ผักสดบางชนิด (มะเขือเทศ มะเขือ) ปลาทู กาแฟผงสำเร็จรูป และน้ำพริกแกง และหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ 0.06 (MoM) จากสินค้าสำคัญที่ราคาปรับลดลง อาทิ ของใช้ส่วนบุคคล (น้ำยาระงับกลิ่นกาย ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว โฟมล้างหน้า กระดาษชำระ แป้งทาผิวกาย) เสื้อผ้า (เสื้อยืดบุรุษและสตรี เสื้อเชิ้ตบุรุษ กางเกงขายาวบุรุษและสตรี) จากกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการ แก๊สโซฮอล์ ตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก และค่าธรรมเนียมผ่านทางพิเศษ จากการยกเว้นค่าผ่านทางฯ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในวันหยุดยาว
ขณะที่มีสินค้าที่ราคาปรับสูงขึ้น อาทิ สิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด (น้ำยาถูพื้น น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างจาน) และของใช้ส่วนบุคคลบางชนิด (ยาสีฟัน ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า (คลีนซิ่ง) ผ้าอนามัย น้ำยาบ้วนปาก)
นายพูนพงษ์ กล่าวถึงแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนสิงหาคม 2568 คาดว่าจะอยู่ระดับต่ำเช่นเดียวกันกับเดือนกรกฎาคม 2568 โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่ 1. ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างอ่อนแอ และความตึงเครียดจากความขัดแย้งของประเทศผู้ผลิตน้ำมันอยู่ในระดับจำกัด
2.ภาครัฐยังคงดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่า Ft งวดเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2568 ลง 17 สตางค์ ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย 3. ราคาผักสดและผลไม้สดอยู่ระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้าค่อนข้างมาก จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบมากขึ้น
และ 4.ค่าบริการด้านการท่องเที่ยวปรับตัวลดลง ตามสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยชั่วคราวต่าง ๆ ประกอบกับผู้ประกอบการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อตอบรับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง
สำหรับปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่ 1. ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดและเครื่องประกอบอาหารมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า เช่น เนื้อสุกร มะพร้าว มะขามเปียก กาแฟ เกลือป่น และน้ำมันพืช เป็นต้น อย่างไรก็ตามหลายสินค้ามีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะราคาน้ำมันพืช และเนื้อสุกร
และ 2. อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ (Reciprocal Tariffs) ต่อประเทศคู่ค้าต่าง ๆ มีความชัดเจนมากขึ้น โดยเป็นอัตราที่ต่ำกว่าครั้งก่อนหน้า ซึ่งจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกทยอยปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ค่อย ๆ ปรับตัวสูงขึ้น
ทางกระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2568 อยู่ระหว่างร้อยละ 0.0 – 1.0 (ค่ากลางร้อยละ 0.5) จีดีพี 1.3-2.3 % ค่ากลาง 1.8%
“เงินเฟ้อที่ลดลงมาาจาก 2 ปัจจัย คือราคาพลังงานเมื่อเทียบราคาน้ำมันกับช่วงเดียวกันปีก่อนต่างกันถึงลิตรละ 6 บาท ขณะที่ราคาผักสดและผลไม้สดปรัลลดลงถึง 22 รายการ จากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมาก ส่วนจะมองว่าไทยกำลังอยู่ในภาวะเงินฝืดหรือไม่นั้น เงินฝืดต้องดูที่อุปสงค์ ซึ่งยังไม่ใช่สาเหตุ คาดไตรมาสสุดท้ายเงินเฟ้อจะกลับมาบวกได้”