ออริจิ้นฯ ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ ฉายภาพอนาคตพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย ทีเตรียมเข้าสู่การไล่ซื้อโครงการฯเก่านำกลับมาพัฒนาใหม่ ทำให้อสังหาฯเพื่อการการลงทุนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวสูง คอนโดมีเนียม ระบุแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอีก 6-10 ปีข้างหน้ามูลค่าทรัพย์จะขยับขึ้นตามทิศทางเงินเฟ้อ และค่าก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้นทุกปีซึ่งมีผลต่อต้นทุนและราคาขายโครงการอสังหาฯแต่ละประเภท/ยูนิต โดยเฉพาะราคาที่ดินทำเลศักยภาพ (ไพรม์ แอเรีย) ใจกลางเมือง
ขณะที่ปัจจุบัน ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในไทยเริ่มใช้กลยุทธ์รวบรวมที่ดินในชุมชน หรือ โครงการที่พักอาศัยแนวราบ (Low-Rise) เดิมที่มีโครงสร้างอายุมากกว่า 20-30 ให้เป็นผืนเดียวขนาดใหญ่เพื่อพัฒนาเป็นโครงการที่พักอาศัยใหม่ และเป็นแนวโน้มเดียวกับในต่างประเทศที่ตัวเมืองมีการขยายตัวสูง และนำแนวทางดังกล่าวมาใช้ ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับราคาที่ดินในแต่ละย่านที่จะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต ด้วย
“แนวโน้มดังกล่าวมองว่ายังเป็นปัจจัยหนึ่ง ทำให้การซื้ออสังหาฯเพื่อการลงทุนเปลี่ยนไปจากที่ผ่านมา ด้วยวิธีการนำเทคโนโลยีทางการเงินอย่างบล็อกเชนมาใช้ และสามารถเข้าถึงนักลงทุนรายย่อยทั่วไป ให้มีโอกาสเข้าถึงการเป็นเจ้าของทรัพย์ หรือการลงทุนอสังหาฯย่านไพรม์ไทม์ ร่วมกันได้” พีระพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้จากทิศทางดังกล่าว บริษัทมองเห็นโอกาสทางธุรกิจอสังหาฯ ภายใต้นวัตกรรมลงทุนคอนโดผ่านโทเคนดิจิทัล เพื่อการลงทุน (Investment Token) เรียลเอกซ์ (Real X) โดยร่วมกับบริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด ผู้ออกโทเคนดิจิทัลฯ โดยเตรียมเปิดตัวพร้อมไอซีโอ (ICO) อย่างเป็นทางการผ่าน Token X (บริษัทโทเคนเอกซ์ จำกัด) ราวเดือนมิ.ย.ปีนี้
โดยบริษัทได้นำโครงการคอนโดมีเนียมระดับหรูลักชัวรี่ใจกลางเมือง แบรนด์ ‘พาร์ค ออริจิ้น’ ใน 3ทำเล คือ พร้อมพงษ์ พญาไทและทองหล่อ เปิดขายในรูปแบบการลงทุนโดยไม่ต้องซื้อทั้งยูนิต เป็นครั้งแรกในประเทศ ไทย เพื่อรับโอกาสธุรกิจอสังหาฯ ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น หลังภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในประเทศ ฟื้นตัว
โดยบริษัท นำทั้ง 3โครงการฯ ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ จำนวน 361 ยูนิต มาใช้เป็นสินทรัพย์อ้างอิงในการออกโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน ทำให้การลงทุนมีขนาดย่อยลง เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่และประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น เตรียมความพร้อมเสนอขายไม่เกิน 19,230,769 โทเคน ที่ราคาเสนอขาย 182 บาทต่อโทเคน
ด้าน ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด ผู้ออกโทเคนดิจิทัลฯ กล่าวว่า การออกและเตรียมเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน ‘เรียลเอ็กซ์’ มาจากแนวคิดการนำคอนโดฯ พาร์ค ออริจิ้น พร้อมพงษ์ ไม่เกิน 138 ยูนิต พาร์ค ออริจิ้น พญาไท ไม่เกิน 123 ยูนิต และพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ ไม่เกิน 100 ยูนิต มาแปลงเป็นหน่วยการลงทุนที่มีขนาดเล็กลง
“โดย 1 โทเคนดิจิทัลฯ จะเทียบเท่าการลงทุนในพื้นที่คอนโดฯ ประมาณ 1 ตารางนิ้ว (Fractionalization) เพื่อให้คนรุ่นใหม่และประชาชนทั่วไปที่สนใจ สามารถลงทุนได้ด้วยรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัล” ดร.วีรพงษ์ กล่าวเสริม
ทั้งนี้ การลงทุนในโทเคนดิจิทัลฯ ‘เรียลเอ็กซ์’ มีอายุโครงการ 10 ปีนับจากวันที่เริ่มโครงการ โดยผู้ถือโทเคนดิจิทัลฯ ดังกล่าวจะได้รับผลตอบแทน 2 ส่วน ประกอบด้วย
1.ปีที่ 1-5 รับผลตอบแทนเป็นรายไตรมาสจากค่าเช่าสุทธิของคอนโดฯ ทั้ง 3 โครงการที่เป็นสินทรัพย์อ้างอิง โดยบริษัท พาร์ค ลักชัวรี่ จำกัด ในเครือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI จะประกันรายรับสุทธิของโครงการที่ 4% 4.25% 4.50% 4.75% และ 5% ต่อปีของมูลค่าเสนอขายโทเคนดิจิทัลฯ ตามลำดับ
2. ปีที่ 6-10 มีโอกาสรับส่วนต่างราคาคอนโดที่สูงขึ้นใน 6 ปีข้างหน้า กล่าวคือในปีที่ 6 จะนำห้องว่างที่ไม่ถูกเช่ามาขายในราคาตลาดช่วงนั้น ๆ ซึ่งคาดว่าจะสูงกว่าราคาในปัจจุบัน โดยในปีที่ 6-10 ขายปีละ 10% 15% 20% 25% และ 30% ของจำนวนยูนิตที่มีตามลำดับ และเมื่อขายได้ จะกระจายคืนให้ผู้ถือโทเคนฯ ในปีที่ 6 เป็นต้นไป และยังคงได้รับผลตอบแทนตามจริงจากการนำห้องชุดที่ไม่ได้มีการขายออกมาปล่อยเช่า
ทั้งนี้ ผู้ถือโทเคนจะยังคงได้รับผลตอบแทนเป็นรายไตรมาส โดยผู้ลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนในโทเคนดิจิทัลฯ ‘เรียลเอกซ์’ รายละไม่เกิน 300,000 บาท และปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมการนำโทเคนดิจิทัลฯ ‘เรียลเอ็กซ์’ เข้าจดทะเบียนในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโทเคนเอกซ์ ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากกระทรวงการคลัง ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“สำนักงาน ก.ล.ต.”) เพื่อรองรับการซื้อขายในตลาดรอง