"สภาพัฒน์" หั่นจีดีพีปี68 เหลือ โตได้ 1.8% จากเดิม 2.8% แม้ไตรมาส 1 ปีนี้ขยายตัวได้กว่า 3.1% สาเหตุหลักจากแรงกดดันด้านการค้าโลก ความเสี่ยงจากนโยบายภาษีทรัมป์
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 1/68 ขยายตัว 3.1% ต่อเนื่องจากร้อยละ 3.3 ในไตรมาส 4/2567 ปัจจัยหลักมาจากการผลิตภาคเอกชนชะลอลง ขณะที่ภาคเกษตรเร่งขึ้น ด้านการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคขั้นสุดท้ายของเอกชน และรัฐบาล การนำเข้าสินค้าและบริการ และการสะสมทุนถาวรเบื้องต้นชะลอลง ขณะที่การส่งออกสินค้าและบริการขยายตัวในเกณฑ์สูง 12.3% โดยเร่งขึ้น 11.5% จากไตรมาสก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม สภาพัฒน์ฯ ได้ปรับคาดการณ์ GDP ปี 68 ลงเหลือเติบโต 1.3-2.3% หรือช่วงกลางของคาดการณ์ที่ 1.8% จากเดิมที่เคยคาดว่าจะขยายตัว 2.3 – 3.3 % (ค่ากลางการประมาณการอยู่ที่ 2.8%) สาเหตุหลักเนื่องจากแรงกดดันด้านการค้าโลก โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ภาระหนี้ครัวเรือนและภาคธุรกิจในระดับสูง และมีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ตามแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก รวมทั้งความเสี่ยงจากความผันผวนในภาคเกษตร
ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยประกอบด้วยการเพิ่มขึ้นของแรงสนับสนุนจากรายจ่ายภาครัฐ การขยายตัวของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ การฟื้นตัวต่อเนื่องของการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง
“ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 1 ที่โตได้ 3.1% เกิดจากผู้นำเข้าเร่งนำเข้าสินค้าจากผลกระทบภาษีแบบตอบโตของสหรัฐ ดังนั้นในช่วงต่อไปเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากความผันผวนทางการค้า รวมถึงมาตรการภาษีสหรัฐ ดังนั้นขอให้ผู้ประกอบการเตรียมตัวรองรับความผันผวนทางการค้า ส่วนประชาชนขอให้เตรียมพร้อมเรื่องการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้มีความรอบคอบมากขึ้น เพื่อให้สามารถผ่านสภาวะนี้ไปได้ ขณะที่รัฐบาลเองก็จะเตรียมมากตรการออกมาช่วยเหลือ โดยจะมีการประชุมหามาตรการในวันนี้ โดยตัวเลขประมาณการณ์เศรษฐกิจปี 2568 ออกมาที่ 1.8 ไม่ได้เป็นการมองในแง่ร้ายเกินไป เป็นการมองตามสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น” นายดนุชา กล่าว