เซ็นทรัลภูเก็ต ขยายอาณาจักร รับจบไลฟ์สไตล์หรูหราเศรษฐีโลก หลังตลาดลักซูรี่ไทย 5 พันล.ดอลลาร์ฯ โตแซงสิงคโปร์แล้ว

เซ็นทรัลภูเก็ต ขยายอาณาจักร รับจบไลฟ์สไตล์หรูหราเศรษฐีโลก หลังตลาดลักซูรี่ไทย 5 พันล.ดอลลาร์ฯ โตแซงสิงคโปร์แล้ว
เซ็นทรัลพัฒนา ย้ำตำแหน่ง ‘เซ็นทรัลภูเก็ต’ ขึ้นสู่ลักซูรี่ มอลล์ ระดับภูมิภาค เพิ่มพื้นที่-เติมแบรนด์หรูรับไลฟ์สไตล์มหาเศรษฐีทั่วโลกต้องมาเยือน รับ 5 ปัจจัยหลักหนุน‘ภูเก็ต’จุดหมายปลายทาง Luxury Island

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ค้าปลีก, โรงแรมและอาคารสำนักงาน เปิดเผยว่าบริษัทฯ ลงทุนเบื้องต้นกว่า  1,000 ล้าน ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลภูเก็ตฝั่งฟลอเรสต้า เพิ่มพื้นที่อาคารรวม (GFA) เป็น 200,000 ตร.ม. จากเดิมมีพื้นที่ 180,000 ตร.ม.

ทั้งนี้ เพื่อผลักดันสู่การเป็นลักซูรี่ มอลล์ (Luxury Mall) ที่รวมแบรนด์หรูมากที่สุดนอกกรุงเทพฯ และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง รองจากศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยพื้นที่ใหม่ดังกล่าว แบ่งเป็น Ultra Luxury Brands and Bridge Line รวมทั้งสิ้น 25 แบรนด์  (ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 16 แบรนด์) และจะขยายเพิ่มถึง 30 แบรนด์ ได้ในครบในปี 2569 เพื่อตอกย้ำความครบสินค้าแบรนด์เนมระดับลักซูรี่ภายในเซ็นทรัลภูเก็ต ที่จะรองรับกำลังซื้อนักท่องเที่ยว/เดินทาง ที่มีไลฟ์สไตล์หรูหรา และวางเป้าหมายการเดินทางมายังภูเก็ต เมืองใหญ่ในฐานะเกาะหรูลักซูรี่ ระดับโลก (Luxuy Island) ระดับโลกด้วย    

“ตลาดลักซูรี่ในไทยมีมูลค่ากว่า 5 พันล้านดออลาร์สหรัฐ คาดเติบโตเฉลี่ย 6.15% ต่อปีจนถึงปี 2571 ซึ่งปัจจุบันขยายตัวสูงกว่าตลาดในสิงคโปร์แล้ว” ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าว และเสริมว่า “เซ็นทรัลภูเก็ตเปิดให้บริการครบ 6 ปี และเห็นแนวโน้มการเติบโตของสินค้าลักซูรี่มาตลอด โดยใน 8-10 เดือนแรกที่ผ่านมา ลักซูรี่ มาร์เก็ต โตราว 10-15% และคาดว่าในสิ้นปีนี้จะโตมากขึ้นอีก จากการเปิดร้านแบรนด์หรูใหม่ๆ การจับจ่ายซื้อสินค้าและ นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น”  

ขณะที่ภาพรวมสินค้าลักซูรี่ในไทยเน้นกลุ่มแฟชั่นเป็นหลัก เติบโตจากจากความต้องการในประเทศ และ อิทธิพลของโซเชียลมีเดีย เป็นหนึ่งในปัจจัยสร้างความต้องการสินค้าลักซูรี่ในกลุ่มกำลังซื้อสินระดับรายได้ปานกลาง (Middle Income) เพิ่มขึ้น แม้ตลาดสินค้าหรูทั่วโลกชะลอตัวแต่ไทยกลับเติบโตอย่างแข็งแกร่ง วัดได้จากเม็ดเงินโฆษณาแบรนด์หรูต่างๆ ที่วางเป้าหมายในไทย โตถึง 214% ในครึ่งปีแรกของปี 67 สูงที่สุดในเอเชีย

ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวว่า “แบรนด์หรูระดับโลกหลายแบรนด์เริ่มหันมาใช้ KOLs ไทยในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ สะท้อนอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือยังเจนเนอเรชั่นที่มีศักยภาพ และยังพบว่ากลุ่มกำลังซื้อท้องถิ่นในประเทศหันมาซื้อสินค้าแบรนด์เนมและลักซูรี่แบรนด์ที่เข้ามาเพิ่มขึ้น” ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าว

ด้าน วิไลพร ปิติมานะอารี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันเซ็นทรัล ภูเก็ตมีลักชูรีแบรนด์ทั้งหมด 15 แบรนด์ และ ภายในปี2567นี้จะเพิ่มเป็น 16 แบรนด์ ได้แก่

  • BALENCIAGA
  • BOTTEGA
  • VENETA
  • BURBERRY
  • BVLGARI
  • CELINE
  • DIOR
  • GUCCI
  • HERMÈS
  • LOUIS VUITTON
  • OMEGA
  • PMT THE HOUR GLASS
  • PRADA
  • SAINT LAURENT
  • TIFFANY & CO.
  • VERSACE, ZEGNA”

วิไลพร กล่าวว่า “ยังมีความเคลื่อนไหวของลักซูรี่แบรนด์ต่าง ๆ ที่ตจะเกิดขึ้นได้แก่ ทั้ง LOUIS VUITTON บูติกส่วนต่อขยายใหญ่ที่สุดในภาคใต้, PRADA บูติกใหม่ ขนาด 597 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย , TIFFANY & CO. แฟล็กชิพสโตร์, BVLGARI ป๊อป-อัพ เผยโฉมครั้งแรกนอกกรุงเทพฯ  และ CELINE เตรียมเปิดเดือนธันวาคม นี้ รวมถึง    แบรนด์ที่รีโลเคท อย่าง BOTTEGA VENETA, BALENCIAGA, YSL อีกด้วย”  

นอกจากนี้ ยังเตรียมเพิ่มแบรนด์สตรีทระดับโลก อย่าง Lululemon สาขาแรกนอกกรุงเทพฯ และ ZARA Flagship Store คอนเซปต์ใหม่ล่าสุด ใหญ่ที่สุดใน South East Asia บนพื้นที่กว่า 1,800 ตร.ม. ซึ่งมียอดขายเปิดร้านวันแรกไปเมื่อวันที่ 1พ.ย.ที่ผ่านมา เป็นอันดับ 1 ในเอเชีย และปัจจุบันมียอดขายติดอันดับ 3 ของไทย รองจากกรุงเทพฯ สะท้อนศักยภาพเมืองเป็นศูนย์การค้าที่แบรนด์โลกเลือกปักหมุด

สำหรับเซ็นทรัล ภูเก็ต ปัจจุบันมัปริมาณลูกค้าหมุนเวียน (ทราฟฟิก) เฉลี่ย 80,000 คน/วัน คาดหลังขยายโซนแล้วเสร็จ จะเพิ่ม 25% เป็น 100,000 คน /วัน  แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 70% และคนไทย 30%  โดยนักท่องเที่ยว 5 อันดับแรกที่เข้าใช้บริการศูนย์การค้า ได้แก่ รัสเซีย จีน สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และฮ่องกง จากเดิมนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งรูปแบบทัวร์และการท่องเที่ยวแบบอิสระ แต่ตอนนี้ตลาดภูเก็ตจีนไม่ใช่ผู้ซื้อหลักแล้ว ซึ่งแม้นักท่องเที่ยวจีนหายไปยังมีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ มาแทน เช่น ยุโรป ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง เป็นต้น โดยยอดใช้จ่ายอยู่ตั้งแต่ 3,000 บาทต่อคนขึ้นไป หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 3 แสนบาทต่อคนต่อปี

จากแนวโน้มดังกล่าว บริษัทยังเตรียมขยายการลงลงทุนเซ็นทรัลภูเก็ตในเฟสที่ 3 เบื้องต้นเตรียมใช้งบลงทุนหลัก 1,000 ล้านบาท ปรับโฉมเซ็นทรัล เฟสติวัล ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อปรับโฉมใหม่ให้เป็นเซ็นทรัลเวิล์ด 2 วางตำแหน่งเป็นกึ่งลักซูรี่ทั้งในส่วนของแฟชั่นและร้านอาหาร คาดใช้ระยะเวลาราว 2 ปี นับจากปี 2568 เพื่อให้สอดรับกับโฉมใหม่ของเซ็นทรัล ฟลอเรสต้า ที่ได้ขยายฟื้นที่ลักซูรี่เพิ่ม

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก The 1 เผยอัตราการจับจ่ายต่อครั้ง (Spending per visit) ของฐานสมาชิกเดอะวัน ยังสูงกว่าศูนย์ฯอื่น 5 เท่า และสูงกว่า 6 เท่าเมื่อเทียบกับศูนย์อื่น สำหรับการจับจ่ายต่อครั้งของสมาชิกเดอะวัน เอ็กซคลูซีฟ จากสินค้าแรร์ ไอเท็ม ที่ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้า

พร้อมกันในโอกาส เซ็นทรัล ภูเก็ต ฉลองครบ 6 ปี ลักชูรีเดสติเนชันระดับโลก พร้อมทำแฟชั่นฟิล์มพิเศษที่ถ่ายทำในสถานที่สำคัญต่าง ๆ ทั่วภูเก็ต ร่วมโปรโมทการท่องเที่ยวของจังหวัด ในคอนเซปต์ ‘LIVE. LUXE. LOVE.’  สะท้อนทั้ง การอยู่อาศัยในเมืองภูเก็ตมีชายหาดที่สวยติดอันดับโลก ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบ สำหรับนักเดินทางและชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน(Expat) และเป็นบ้านหลังที่ 2 ของการพักผ่อนระยะยาวของนักท่องเที่ยว รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ลักซูรี่ ต่างๆ และยังเป็นเมืองโรแมนติกในฝันของคู่รักทั่วโลก ที่ต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิต

นอกจากนี้ยังได้จัดแคมเปญส่งเสริมการตลาด ด้วยกิจกรรมต่างๆ และโปรโมชั่นพิเศษฉลอง Phuket 6th Anniversary ร่วมกับบัตรเครดิตอีกมากมาย! ตั้งแต่ 15 พ.ย.2567 - 5 ม.ค. 2568  นี้

‘ภูเก็ต’ เกาะมหาสมบัติลักซูรี่

ดร.ณัฐกิตติ์  กล่าวว่า  แผนธุรกิจดังกล่าวเพื่อรองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของ ‘ภูเก็ต’ ในฐานะเมืองใหญ่ และเป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางอันดับต้นระดับเจ็ทเซ็ทเตอร์ระดับโลก (Top destination for Global Jetsetter) ที่มีความครบทั้ง ความสวยงามของชายหาด, โครงสร้างพื้นฐานระดับโลกเพื่อการท่องเที่ยว, สิ่งอำนวยความสะดวก, โรงแรมและรีสอร์ทระดับอัลตร้า ลักชูรี, กิจกรรมไลฟ์สไตล์หรู และ การให้ประสบการณ์ช้อปปิ้งแบรนด์หรูและไลฟ์สไตล์ระดับโลก เทียบชั้นเมืองตากอากาศหรูระดับโลกอย่าง ฮาวาย, โมนาโก, ซานโตรินี, ไมอามี่

ปัจจุบัน ภูเก็ตมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ และท่องเที่ยว ต่อเนื่องหลังผ่านพ้นแพร่ระบาดคิด คาดมีรายได้ภาคการท่องเที่ยวปี 2567  ราว 5 แสนล้านบาท และยังเติบโตสูงสุด (New high) จากในปี 2566  เติบโตราว 28% สร้างรายได้ราว  388,017 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวเติบโตเพิ่ม 16% เทียบจากช่วงเดียวกันในปี 2565  (YoY) ขณะที่มีประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อหัว (GPP Per capita)  อันดับ 1 ของภาคใต้ และอันดับ 12 ของประเทศ คาดขนาดเศรษฐกิจ (GDP) ของจังหวัดภูเก็ตในปี 2567 จะเติบโตในเกือบ 20% ซึ่งขยายตัวดีกว่าภาพรวมของทั้งประเทศ

“ภูเก็ต ยังเป็นจังหวัดท่องเที่ยวตลอดทั้งปี  (High season) และเป็นตลาดท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์มีการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยว 34,336 บาทต่อคน มากที่สุดในประเทศไทย”  ดร.ณัฐกิตติ์  กล่าวพร้อมเสริมว่า

นอกจากนี้ ยังมี องค์ประกอบหลักที่ผลักดันให้ภูเก็ตเป็นเมืองชายทะเลหรูระดับโลก 5 ด้านดังนี้

  1. World-Class Infrastructure  สนามบินนานาชาติภูเก็ต คาดใช้ชื่อสนามบินอันดามัน เตรียมขยายเฟส 2 คาดเสร็จปี 2572 เพื่อรองรับนทท.ได้กว่า 18 ล้านคน (ปัจจุบันรองรับได้ 16 ล้านคน) นักท่องเที่ยว Top 5 คือ รัสเซีย, จีน, อินเดีย, ออสเตรเลีย, อังกฤษ

ปัจจุบัน มีเที่ยวบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศเข้าสนามบินเกือบ 100,000 เที่ยวบินต่อปี เฉลี่ย 300 เที่ยวบินต่อวัน รองรับผู้โดยสารต่างชาติ 10 ล้านคนต่อปี เฉลี่ย 30,000 คนต่อวัน โดยมีเที่ยวบิน บินตรงสู่เมืองสำคัญทั่วโลก เช่น ดูไบ โดฮา และออสเตรเลีย

  • Private Jet Terminal ระดับ 5 ดาวแห่งแรก ปัจจุบันมี Private Jet บินเข้าภูเก็ตเฉลี่ย 156 ลำ/ปี*
  1. Luxurious shopping & Dining ประสบการณ์ช้อปปิ้งแบรนด์ลักชูรีระดับโลก ซึ่ง เซ็นทรัล ภูเก็ต ถือเป็น Luxury mall หนึ่งเดียวนอกกรุงเทพฯ ที่มีลักชูรีแบรนด์รวมกว่า 15 แบรนด์ และล่าสุด Su Va Na ร้านอาหารใต้น้ำที่ดีที่สุดในโลกที่เซ็นทรัล ภูเก็ต ได้รางวัล The World’s culinary award จากดูไบ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของกลุ่มนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักที่ท่องเที่ยวทั่วโลก อย่าง โมนาโก ที่มี Flagship ลักชูรีแบรนด์ดังมากมาย และเมืองในริเวียรา เช่น Cannes และ Saint-Topez ที่มีถนนช้อปปิ้งอย่าง Boulevard de la Croisette ที่เต็มไปด้วยแบรนด์ไฮเอนด์ ดึงดูดกลุ่มผู้มีชื่อเสียง-มหาเศรษฐีทั่วโลก
  2. Ultra-Luxury Properties & Hospitality โดยภูเก็ตมีโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักซูรี่กว่า 17 โครงการ ที่มีมูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป และได้ชื่อว่าเป็นเมือง อสังหาฯ ระดับหรู เป็นที่ต้องการของกลุ่มเศรษฐีทั่วโลก ติด Top 4 ของโลก รองจาก ดูไบ ฟลอริดา และ นิวยอร์ก โดยราคาที่ดินโตก้าวกระโดดในรอบ 20 ปี เพิ่มขึ้นถึง 700% โดยเฉพาะ หาดราไวย์ ที่ราคาที่ดินปรับตัวสูงสุด และ ‘ย่านบางเทา’ ที่ถูกขนานนามว่า ทองหล่อแห่งภูเก็ต
  3. Exclusive Activities ท่าเรือซูเปอร์ยอร์ช (Superyachts) 5 แห่ง ได้แก่ ยอร์ทเฮเว่น มารีน่า, อ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า, รอยัล ภูเก็ต มารีน่า, โบ๊ทลากูน มารีน่า, ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง
  • สนามกอล์ฟมาตรฐานระดับโลก 16 แห่ง
  • ร้านอาหารมิชลินระดับหรู 28 ร้าน
  1. A Global Hub for Health & Education โรงพยาบาลชั้นนำระดับโลก 9 แห่ง ยกระดับภูเก็ตให้เป็น Medical hub และโรงเรียนนานาชาติ 13 แห่ง

ทั้งนี้ จากแนวโน้มดังกล่าว เซ็นทรัลพัฒนา ยังมองเห็นโอกาสการลงทุนธุรกิจด้วยยังมีที่ดินเหลือประมาณ 5-6 ไร่ พัฒนาเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว จำนวน 300 ห้อง วางระดับราคาที่พักราว 2,000 บาทต่อคืน และศูนย์ประชุมห้องจัดเลี้ยง (Convention Hall) ซึ่งอย่างหลังอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในขณะนี้

 

 

TAGS: #เซ็นทรัลพัฒนา #เซ็นทรัลภูเก็ต