ไทยเจรจาสำเร็จส่งออกไข่ไก่สดไปไต้หวัน เริ่มล็อตแรก 3.2 แสนฟอง เดินหน้าเจรจาเพิ่มหวังเปิดตลาดใหม่ ตั้งเป้าปีนี้ 50 ล้านฟอง มูลค่า 230 ล้านบาท
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับทราบข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ ถึงผลสำเร็จในการหารือกับผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย และผู้แทนจาก กรมสุขอนามัยและการกักกันพืชและสัตว์ของไต้หวัน เพื่อขยายตลาดการส่งออกไข่ไก่สดไปยังไต้หวันเป็นครั้งแรก
สำหรับไข่ไก่สดล็อตแรกได้ส่งออกไปแล้วจำนวน 3.2 แสนฟอง มูลค่า 1.5 ล้านบาท ของบริษัท เกษมชัย ฟู้ด จำกัด จังหวัดนครปฐมโดยคาดการณ์หลังจากเปิดตลาดไต้หวันครั้งนี้จะสามารส่งออกไข่ไก่สดได้ทั้งปี 50 ล้านฟองเป็นมูลค่า 230 ล้านบาท
ทั้งนี้ไข่ไก่สดของไทยควบคุมคุณภาพการผลิตตลอดห่วงโซ่การผลิตให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยอาหาร ตั้งแต่แหล่งที่มาของสัตว์จากฟาร์มมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) โรงฆ่าและโรงแปรรูปที่มีการปฏิบัติทางสุขลักษณะที่ดี (Good Hygiene Practices: GHPs) และระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (Hazard Analysis and Critical Control Points: HACCP) สอดคล้องตามข้อกำหนดของกฎหมายในประเทศ ตามระเบียบของประเทศคู่ค้าและตามหลักสากล
นอกจากนี้ประเทศไทย รวมทั้งมีมาตรการป้องกันโรคไข้หวัดนกอย่างเข้มงวด ส่งผลให้ไม่มีการแพร่ระบาดไข้หวัดนกในประเทศไทยมากกว่า 15 ปี ถือเป็นจุดแข็งของอุตสาหกรรมสัตว์ปีกและไข่ ที่สามารถผลิตได้อย่างมีคุณภาพปลอดภัย และเป็นที่เชื่อมั่นของประเทศคู่ค้า ซึ่งผลสำเร็จจากการเจรจาเปิดตลาดนี้เป็นไปตามนโยบาย “ครัวไทยสู่ครัวโลก” อย่างปลอดภัยและยั่งยืน
อย่างไรก็ตามรัฐบาลยังเดินหน้าขับเคลื่อนปฏิรูประบบอาหารและเกษตรสู่ความยั่งยืน สร้างความเชื่อมั่นสินค้าเกษตรและอาหารไทย ทำให้ผู้ผลิตและเกษตรกรไทย มีตลาดใหม่ๆ ในการส่งออกไข่ไก่สด เพิ่มเติมจากตลาดเดิม ที่ส่งออกไปยังฮ่องกงและสิงคโปร์เป็นหลัก
สำหรับปี 2565 ไทยสามารถส่งออกไข่ไก่ได้ 282 ล้านฟอง มูลค่า 1,238 ล้านบาท นอกจากนี้จะมีการเปิดตลาดของไข่สดอีกหลายประเทศเนื่องจากการเจรจาเปิดตลาดการค้าใหม่ๆ จะส่งผลให้ประเทศไทยสามารถรักษาระดับการผลิตและการบริโภคให้ใกล้เคียงภาวะสมดุล
“นายกรัฐมนตรีรับทราบการดำเนินการตามนโยบายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาโอกาสและช่องทางใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในการเพิ่มมูลค่าการค้าในทุกตลาด โดยรัฐบาลมีความเชื่อมั่นถึงคุณภาพ มาตรฐาน และชื่อเสียงของสินค้าเกษตรไทย ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมดำเนินสนับสนุนตลาดการค้าเพิ่มเติม ตลอดจนส่งเสริมศักยภาพสินค้าเกษตรไทย เพิ่มโอกาสการแข่งขันในเวทีโลก”