จะ ‘ซื้อใจ’คนรุ่นใหม่ได้ เป็นแบรนด์รักและแข็งแรงไม่พอ แต่ต้องเป็น ‘ซูเปอร์ แบรนด์’ ทรงพลัง   

จะ ‘ซื้อใจ’คนรุ่นใหม่ได้ เป็นแบรนด์รักและแข็งแรงไม่พอ แต่ต้องเป็น ‘ซูเปอร์ แบรนด์’ ทรงพลัง   
VML มองข้อมูลมหาศาลทั่วโลก ‘คลัง’ ดาต้าสำคัญที่นำมาใช้กับเครื่องมือ ‘BAV’ วิเคราะห์ร่วมกับ Social Listening แรงส่งให้ธุรกิจสินค้าไปสู่ ‘Super Brand’ ทรงพลังจะได้ทั้งตลาดและหัวใจผู้บริโภค ตลอดไป

ปรัตถจริยา ชลายนเดชะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร VML Thailand กล่าวว่า VML วางแนวทาง ‘One Team’ การเป็นพันธมิตรทีมเดียวกับแบรนด์/นักการตลาดผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย จากการนำเทคโนโลยี คามคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน ด้วย End-to-End Creative Solution Service ผ่านเครื่องมือทรงประสิทธิภาพต่าง ๆ โดยผสมผสารทั้งแหล่งข้อมูลจำนวนมาก (Big Data) และ ไอเดียสดใหม่ เพื่อเจาะตลาดและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค ไปพร้อมสร้างการเติบโตของแบรนด์ (Creative Brand Growth Strategy)

ล่าสุด VML ได้นำ ‘BAV’ เครื่องมือด้านการตลาดมาต่อยอดการให้บริการกับพาร์ทเนอร์ธุรกิจ เพื่อสร้างความเข้าใจในมุมมองความรู้สึกของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ และจุดแข็งแกร่งของแบรนด์ พร้อมรับรู้ถึง ‘ตำแหน่งที่แท้จริง’ ของแบรนด์ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นก่อนเข้าสู่การพัฒนากลยุทธ์ที่แม่นยำ และสร้างทิศทางการแก้ปัญหาและวางการสื่อสาร ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เช็คตำแหน่งแบรนด์ อยู่จุดไหน?

เอกลักษณ์ จรัญวาศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ยุทธศาสตร์และ BAV APAC Champion กล่าวว่า BAV หรือ Brand Asset Valuator เป็นเครื่องมือในการพัฒนากลยุทธ์เพื่อบริหารแบรนด์ลูกค้าของบริษัท VML ทั่วโลก ภายใต้การเก็บผลสำรวจและศึกษาพฤติกรรมความต้องการของผู้คนทั่วโลกมากกว่า 2.5 ล้านคน ใช้ระยะเวลาเก็บผลสำรวจมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ.1993 ถึงปัจจุบัน ในกว่า 50 ประเทศ

โดยดำเนินการสำรวจในกลุ่มธุรกิจมากกว่า 1,000 กลุ่ม ทำการศึกษาวิจัยแบรนด์ทั่วโลกกว่า 60,000 แบรนด์ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่แตกต่างของข้อมูลจาก BAV ที่ทำให้เห็นข้อมูลในภาพกว้างของแบรนด์นับพันในประเทศว่า แบรนด์แต่ละตัวและแต่ละกลุ่มประเภทสินค้าบริการมีความแข็งแกร่งแค่ไหนและมีทิศทางแนวโน้มที่จะเติบโตหรือตกลงเมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์ทั้งหมดที่มีในประเทศ

นอกจากนี้ยังสะท้อนอินไซด์ของคนในประเทศ ผ่านการศึกษาค่านิยมที่มีต่อแบรนด์ที่มีอิทธิพลต่อความคิดและการใช้ชีวิตของคนที่ไม่ได้จำกัดแค่สินค้าบริการแต่ยังรวมไปถึงสื่อ อินฟลูเอนเซอร์ ดารา คนสำคัญ สถาบันองค์กรไปจนถึงระดับประเทศชาติ และทำการเปรียบเทียบข้อมูลกับแบรนด์ในประเทศอื่น ๆ ในโลก โดยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลทางแบบสอบถามออนไลน์โดยบริษัทวิจัยตลาดชั้นนำและนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อสร้างกลยุทธ์ ในการปั้น Super Brands ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ 2 มุมมอง ได้แก่

  • Brand Power (Brand Asset)

ทำให้แบรนด์มีความแตกต่าง (Differentiation) เป็นที่สนใจพิจารณา (Relevancy) รู้สึกมั่นใจ (Esteem) และเป็นที่รู้จัก (Knowledge)

  • Brand Love

ทำให้แบรนด์กลายเป็นตัวเลือกที่ผู้บริโภคชื่นชอบและ อยากแนะนำให้คนรอบตัวซื้อใช้ตาม

เอกลักษณ์  กล่าวว่า “เมื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ร่วมกันบนแผนภาพประเมินทิศทางความเป็นไปได้ของแบรนด์ (Brand Power Grid) จะทำให้เห็นว่าแบรนด์ยืนอยู่ในตำแหน่งไหนท่ามกลางแบรนด์กว่าพันแบรนด์ที่มีในตลาดของประเทศนั้น ๆ  และ แบรนด์มีแนวโน้มที่จะเติบโตหรือตกลงต่อไปในอนาคต หรือข้อผิดพลาดบางอย่างที่มองข้ามไปในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น ๆ หรือเมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์ในใจอื่น ๆ ทั้งในระดับโลกและระดับท้องถิ่น”

โกลบอลแบรนด์ครองใจ แต่ไม่ครองเกม

โดยในปี 2567 นี้ VML Thailand ได้ดำเนินการวิเคราะห์ศึกษา Super Brands in APAC กับกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 18 - 65 ปี ในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก (APAC) ครอบคลุม 8 ประเทศ ได้แก่

  • จีน
  • อินเดีย
  • ญี่ปุ่น 
  • เกาหลีใต้
  • ออสเตรเลีย
  • สิงคโปร์
  • เวียดนาม
  • ไทย

จากจำนวน 104,308 กลุ่มตัวอย่าง ระหว่างปี ค.ศ. 2022 – 2024 (ทำการสำรวจวิจัยเสร็จสิ้นเดือนเมษายน 2567) มีเนื้อหาเกี่ยวกับการประเมินพลังความแข็งแกร่งของแบรนด์ (Brand Power) และความรักที่มีในแบรนด์ (Brand Love) เพื่อค้นหาซูเปอร์แบรนด์ในใจคนเอเชียแปซิฟิก

โดยทำการศึกษาทั้งในกลุ่ม Global Brand และ Local Brand ซึ่งผลวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึง โอกาสที่ท้าทายในการปั้นซุปเปอร์แบรนด์ เมื่อแบรนด์ระดับโลกครองเกมแต่ยังไม่ครองใจ ในขณะที่แบรนด์ท้องถิ่นใน APAC และไทยพยายามเร่งแซง

กลุ่มเทคฯ ขึ้นซูเปอร์แบรนด์

จากการศึกษาถึงซุปเปอร์แบรนด์ที่แข็งแกร่งและเป็นที่รักในใจคน APAC ครั้งนี้พบว่า มีเพียง 3% เท่านั้นที่สามารถเป็นซุปเปอร์แบรนด์ได้ โดยซุปเปอร์แบรนด์ที่มีความโดดเด่นในแทบทุกประเทศ คือ

  1. Google
  2. YouTube
  3. Samsung ซึ่งเป็นแบรนด์เดียวจากเอเชียที่ติดอยู่ใน 3 อันดับนี้

ในขณะที่ iPhone และ Apple เป็นแบรนด์ที่เก่งทรงพลังสูงสุดอันดับหนึ่ง แต่ยังมีความท้าทายเรื่องความเป็นที่รักในใจคน APAC โดยแบรนด์เหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะมีบทบาทเป็นตัวช่วยให้คนสามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลข่าวสารความบันเทิง ซัพพอร์ทการใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ในทุกวัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ระดับโลก

เอเชีย ยกประเทศตัวเองแบรนด์ยืนหนึ่ง

นอกจากนี้ยังพบว่า แบรนด์เหล่านี้ยังสามารถรักษาความโดดเด่นด้านพลังความแข็งแกร่งไว้ได้ แม้ว่าจะผ่านช่วงเวลาวิกฤตโลกอย่างโรคระบาด Covid-19 แม้ว่าแบรนด์ที่มีความโดดเด่นติด Top10 ด้านพลังความแข็งแกร่งส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ระดับโลก Global Brand แต่แบรนด์ที่เป็นอันดับหนึ่งหรืออยู่ในลำดับที่สูงกว่า ส่วนใหญ่กลับเป็นแบรนด์ประเทศของคนชาตินั้น ๆ (Country Brand) อย่างประเทศจีน อินเดีย เกาหลีใต้ เวียดนาม สิงคโปร์

นอกจากนั้นแล้ว แบรนด์ประเทศทั้งหมดยังมีความโดดเด่นติด Top5 ด้านความรักในแบรนด์อีกด้วย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สะท้อนถึงค่านิยมความรักชาติที่แข็งแรงของคนใน APAC โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างจีน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย

และพบบ้างในประเทศกำลังพัฒนาอย่างอินเดีย เวียดนาม และไทย ตามลำดับ ด้วยความรักชาติที่มีในประเทศตนเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้ แบรนด์ระดับท้องถิ่นสามารถเข้ามามีความโดดเด่นใน Top10 ของซุปเปอร์แบรนด์ที่ทรงพลัง และยิ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นใน 10 อันดับความโดดเด่นด้านความเป็นที่รักในแบรนด์ด้วย

แบรนด์ไทย หาตำแหน่งสู้กลับ

เอกลักษณ์ กล่าวต่อสำหรับผลการสำรวจวิจัยล่าสุดในปีนี้ของประเทศไทยพบว่า ซูเปอร์แบรนด์ที่ทรงพลังและเป็นที่รักในใจคนไทยคือ

  1. Google
  2. YouTube
  3. Samsung
  4. TrueMoney
  5. 7-11

สำหรับแบรนด์ที่โดดเด่น 10 อันดับแรกในด้านพลังความแข็งแกร่งและความรักส่วนใหญ่ 8 ใน10 เป็นแบรนด์ระดับโลก มีเพียงสองแบรนด์ท้องถิ่นอย่างเช่น TrueMoney ที่เข้ามาติดอันดับนี้ ซึ่งถือเป็นสัดส่วนค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วใน APAC อย่างจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเมื่อเราขยายผลการวิเคราะห์ให้ครอบคลุมแบรนด์ทั้งหมดกว่า 1,200 แบรนด์ในไทยพบว่า มีเพียงประมาณ 3% ของแบรนด์ในไทยเท่านั้นเช่นกันที่สามารถเป็นซูเปอร์แบรนด์ที่มีความโดดเด่นทั้งพลังความแข็งแกร่งและความเป็นที่รักในใจของคนไทยได้ ซึ่งซุปเปอร์แบรนด์ส่วนใหญ่มากกว่า สองในสามเป็นแบรนด์ระดับโลก

ขณะที่ผลสำรวจก็พบว่าคนไทยกำลังทวีความรู้สึกดีที่มีต่อความเป็นไทยมากขึ้น ผ่านแบรนด์ประเทศไทยที่กำลังไต่อันดับขึ้นมาเป็นอันดับ 5 ของแบรนด์ที่คนไทยรักมากที่สุด  พร้อมภาพลักษณ์ด้านความกำลังเป็นที่นิยม (Gaining Popularity) และมีความก้าวหน้าพัฒนาเสมอ (Progressive) เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับสองปีที่แล้ว

รวมทั้งแบรนด์ระดับท้องถิ่นอีกหลายร้อยแบรนด์ที่มีพลังความแข็งแกร่งและความเป็นที่รักเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน จนใกล้เคียงกับแบรนด์ระดับโลกที่เป็นผู้นำของตลาดอย่างในกลุ่มสินค้าอาหาร สุขภาพและความงาม บริการด้านการเงิน การท่องเที่ยวเดินทาง เช่น แบรนด์ Bangkok Airways, Cute Press, Roza, เทพไท เป็นต้น

นอกจากนี้ในผลสำรวจยังพบว่า คนไทย 83% ยอมจ่ายแพงมากขึ้นเพื่อสนับสนุนสินค้าของประเทศ และ 93% รู้สึกภูมิใจเมื่อเห็นแบรนด์ของไทยไปโตในตลาดต่างประเทศด้วย ดังนั้นการต่อยอดความรู้สึกผูกพันและความภูมิใจในชาติอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบรนด์ท้องถิ่นเพิ่มพลังจนสามารถแข่งขันกับแบรนด์ระดับโลกได้

5 กลยุทธ์ปั้นซุปเปอร์แบรนด์

สำหรับปัจจัยสำคัญและแนวคิดเชิงกลยุทธ์ในการปั้นซุปเปอร์แบรนด์ด้วยการยกระดับทั้งพลังความแข็งแกร่ง(Brand Power) และความเป็นที่รักของแบรนด์ (Brand Love) สามารถสรุปได้เบื้องต้นเป็น 5 แนวทาง คือ

1.สร้างความเป็นสากล: แบรนด์ระดับโลกอย่าง Google, YouTube และ Samsung ประสบความสำเร็จจากการมีอยู่ทั่วโลกและการมีบทบาทเป็นตัวช่วยให้คนสามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลข่าวสารความบันเทิง ซัพพอร์ทการใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่แบรนด์ขนาดใหญ่ระดับท้องถิ่นสามารถเรียนรู้และนำมาพัฒนาเพื่อเป็นหนึ่งในซุปเปอร์แบรนด์จาก APAC ที่ครองใจคนได้อย่าง ซัมซุง เป็นต้น

2.ใช้ความภาคภูมิใจในชาติเป็นแรงกระตุ้น: คนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมักมีความรักในแบรนด์ประเทศของตนเองสูง และมักจัดอันดับให้สูงกว่าแบรนด์ระดับโลก แบรนด์ท้องถิ่นควรใช้ความภาคภูมิใจนี้ในการเสริมสร้างความผูกพันในแบรนด์กับคนในประเทศและการมีส่วนช่วยสนับสนุนการสร้างชื่อเสียงจากสินค้าบริการของประเทศในเวทีการค้าโลก ในขณะที่แบรนด์ระดับโลกก็มีส่วนร่วมได้ด้วยการเข้าไปเป็นหนึ่งในองค์กรที่เข้าไปช่วยเหลือคนและชุมชนในท้องถิ่นอย่างจริงจังจนกลายเป็นแบรนด์ที่คนในท้องถิ่นให้การชื่นชมยอมรับ เช่น Red Cross หรือสภากาชาดไทย, Unilever เป็นต้น

3.สร้างพันธมิตรเพื่อความสำเร็จ: สำหรับแบรนด์ระดับโลก การสร้างพันธมิตรกับแบรนด์ท้องถิ่นเป็นกุญแจสำคัญในการเจาะตลาดที่มีความภาคภูมิใจในชาติสูง การทำงานร่วมกันนี้สามารถผสานนวัตกรรมระดับโลกกับความเข้าใจเชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นได้ และช่วยให้เกิด Win Win ที่สร้างผลดีให้กับทั้งสองแบรนด์ได้

4.ความผสานเข้ากับวัฒนธรรม:  ทั้งแบรนด์ระดับโลกและท้องถิ่นควรนำความเข้าใจทางวัฒนธรรมท้องถิ่นมาสอดประสานเข้ากับการพัฒนาสินค้าบริการรวมไปถึงการทำการตลาดและการสื่อสารของแบรนด์ เช่น KFC กับการนำเสนอสินค้าใหม่ ๆ และเมนูรสชาติใหม่ ๆ ที่เข้ากับจริตคนไทย ผสานการทำแคมเปญการตลาดออกโปรโมชันที่ใช่ในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ของประเทศ โดยกลยุทธ์นี้จะช่วยสร้างความเชื่อมโยงและความรักในแบรนด์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

5.คุณภาพเป็นสะพานเชื่อม: ในขณะที่แบรนด์ระดับโลกส่วนใหญ่มักจะมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นด้านความน่าเชื่อถือ พรีเมียม ทันสมัย มากกว่าแบรนด์ท้องถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่จะมีความโดดเด่นอีกด้านเรื่อง การซัพพอร์ทคอยช่วยเหลือ และความผูกพันทางใจกับคนในชาติที่ดี  

ต่อการผสานจุดแข็งเหล่านี้สามารถยกระดับการรับรู้ความสนใจในแบรนด์ โดยเฉพาะในตลาดที่กำลังพัฒนา ซึ่งแบรนด์ระดับท้องถิ่นยังคงมีความยากลำบากในการแข่งขันกับสินค้าที่ผลิตในต่างประเทศ

ข้อเสนอแนะเหล่านี้ จากผลสำรวจของ BAV ช่วยชี้ให้เห็นถึงการผสมผสานอย่างมีกลยุทธ์ระหว่างการเข้าถึงระดับโลก

ความเกี่ยวข้องในท้องถิ่น และความร่วมมือที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นเส้นทางไปสู่ความสำเร็จในการเป็นซุปเปอร์แบรนด์ชั้นนำในตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้

สู่แคมเปญตลาด ทัชใจ

ด้าน สขิลา บานเย็น ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และการวางแผน กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้จากเครื่องมือ BAV นำมาประกอบกับข้อมูลส่วนอื่นอย่าง Focus Group รวมทั้งข้อมูลอินไซด์ที่ได้จากลูกค้ามาช่วยกันร่วมวางแผนร่วมวิเคราะห์ เพื่อหาปัญหาที่แท้จริงอยู่ตรงจุดไหน หรือ สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ ความกังวลใจ หรือตัดสินใจซื้อสินค้าเพราะอะไร เพื่อนำไปสู่การวางแผนและหา Solution ที่ตอบโจทย์ผ่านไอเดียและงานครีเอทีฟที่โดนใจ

โดย VML Thailand นำกรณีศึกษา Case Study ของแบรนด์ทั้ง Global Brand และ Local Brand  ดังนี้

  • Global Brand ‘KFC’ – โจทย์ของเคเอฟซี คือ การต่อยอดแบรนด์เป็นให้มากกว่าร้าน QSR แต่เป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ของยุค ที่สามารถครองใจผู้บริโภคทุกเพศ ทุกวัย เข้าถึงได้ทุกวัน โดยจับจุด Local Pride, Local Insight สร้างแคมเปญและนวัตกรรมที่เข้าถึงทุกคนอย่างต่อเนื่องบน Cultural Calendar ไม่ว่าจะเป็น ตะกร้าเฟสติเวอร์บักเก็ต,  ธูปกลิ่นไก่ทอดสูตรผู้พัน ล่าสุด KFC Bucket Ware กล่องเก็บอาหารทรงบักเก็ต ทำให้เคเอฟซีรักษาความเป็น Rising Brand ในประเทศไทย ด้วย Brand Power ที่ 98.5% เพิ่มขึ้น 7.3% จากปี 2565
  • Local Brand “ROZA” – โจทย์ของโรซ่า คือ การยกภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นแบรนด์ที่ร่วมสมัย เข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งการร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลกหรือการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาสร้างประสบการณ์ที่เป็นมากกว่าการทำอาหาร ทำให้ปัจจุบันโรซ่าสามารถสร้าง Brand Power อยู่ที่ 76% เติบโตมากขึ้นถึง 33% จากปี 2565

“การใช้ BAV เข้ามาสำรวจการรับรู้ ความรู้สึกของผู้คน เป็นจุดเริ่มต้นในการทำงานอย่างถูกทางและแม่นยำ ทำให้มองเห็นสถานะของแบรนด์ในใจผู้บริโภค ทิศทางที่กำลังจะไป และพัฒนาไอเดียไปสู่แนวทางการนำพาแบรนด์บรรลุสู่เป้าหมายอย่างรวดเร็ว” สขิลา กล่าว

ด้าน ฐิติรัตน์ ตันติฤทธิศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ VML Thailand กล่าวว่า การนำเสนอเครื่องมืออย่าง BAV ในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งกลไกและกลยุทธ์ที่พร้อมช่วยลูกค้าเจาะอินไซด์ให้เข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริง ซึ่งจะเป็นจุดตั้งต้นที่เมื่อผสานกับเครื่องมืออื่น ๆ ของ VML Thailand ทำให้การบริการที่ครบวงจรแบบ End-to-End Creative Solution Service ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพรอบด้าน  

TAGS: #VML #แบรนด์