ส่องเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปยังพึ่งท่องเที่ยว-ส่งออกต่อเนื่อง

ส่องเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปยังพึ่งท่องเที่ยว-ส่งออกต่อเนื่อง
กรมพัฒนาธุรกิจฯมองเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังฟื้นตัวได้รอปัจจัยหนุนกำลังซื้อในประเทศ ชี้ยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่ยังอยู่ในเป้าหมายที่วางไว้ 4.6 หมื่นรายมูลค่า1.45 แสนล้านบาท

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า  กรมฯ ได้นำข้อมูลสถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ การลงทุนของชาวต่างชาติในไทยภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจอื่นๆ มาวิเคราะห์เศรษฐกิจ/ธุรกิจไทย 6 เดือนที่ผ่านมา และทิศทางเศรษฐกิจการค้าของประเทศช่วงครึ่งหลังปี 2567 โดยพบว่า ปี ภาพรวมเศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยการสนับสนุนจากการบริโภคภายในประเทศ การท่องเที่ยว และการส่งออก แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากหนี้ครัวเรือนที่สูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก

ทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตประมาณ 2.5% ในปี 2567 โดยมีการขยายตัวของการส่งออกและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก โดยช่วงครึ่งปีแรก 2567 การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจมีจำนวน 46,383 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 145,079 ล้านบาท เป็นไปตามเป้าหมายวางไว้  

ทั้งนี้มีสัดส่วนดังนี้ 1.ธุรกิจภาคบริการ มีจำนวนการจัดตั้ง 26,479 คิดเป็น 57.09% ของจำนวนการจัดตั้งครึ่งปีแรก 2567 2. ภาคขายส่ง/ขายปลีก จัดตั้ง 15,152 ราย คิดเป็น 32.67% และ 3. ภาคการผลิต จัดตั้ง 4,752 ราย คิดเป็น 10.25%

สำหรับธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจครึ่งปีแรก 2567 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (2566) แยกตามภาคธุรกิจ ดังนี้  ภาคขายส่ง/ขายปลีก ได้แก่ 1. ธุรกิจขายปลีกชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมใหม่ของจักรยานยนต์มีอัตราการเติบโตสูงสุด 90.91% 2.ธุรกิจขายส่งชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมใหม่ของจักรยานยนต์เติบโต 75.00% และ 3.ขายปลีกนาฬิกา แว่นตา และอุปกรณ์ถ่ายภาพเติบโต 73.08% 

ด้านภาคการผลิต ได้แก่ 1.ธุรกิจผลิตโครงสร้างที่ใช้ในการก่อสร้างและเครื่องประกอบอาคาร เติบโตสูงสุด 106.67% 2. ธุรกิจผลิตกระดาษลอนลูกฟูกและกระดาษแข็งลอนลูกฟูกเติบโต 104.00% และ 3. ธุรกิจผลิตส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ เติบโต 96.77%

ส่วนภาคบริการ ได้แก่ 1. ธุรกิจวิจัยและพัฒนาเชิงทดลองด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีฯ เติบโตสูงสุด 132.35% 2. ธุรกิจขนส่งผู้โดยสารทางรถโดยสารประจำทางอื่นๆ เติบโต 95.24% และ 3. ธุรกิจก่อสร้างโครงการวิศวกรรมโยธาอื่นๆ เติบโต 85.71% 

เมื่อแยกตามขนาดธุรกิจ ธุรกิจขนาดเล็ก S มีสัดส่วนการจัดตั้งสูงสุด 99.64% ของจำนวนการจัดตั้งครึ่งปีแรก 2567 หรือ 46,214 ราย ธุรกิจขนาดกลาง M สัดส่วนของจำนวนการจัดตั้ง 0.30% หรือจำนวน 142 ราย และธุรกิจขนาดใหญ่ L สัดส่วนของจำนวนการจัดตั้ง 0.06% หรือจำนวน 27 ราย โดยเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2566 พบว่าธุรกิจขนาดเล็ก S และขนาดใหญ่ L มีอัตราการเติบโตลดลง 1.91% และ 34.15% ขณะที่ขนาดกลาง M เติบโตเพิ่มขึ้น 10.08%

สำหรับจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจครึ่งปีแรก 2567 (ม.ค.-มิ.ย.) ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ม.ค.-มิ.ย.2566) ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐานจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในปี 2566 มีจำนวนค่อนข้างสูง โดยปี 2566 เป็นปีที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังผ่านช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทำให้นักลงทุนที่ชะลอดูสถานการณ์กลับมาเริ่มต้นธุรกิจและทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงปี 2566

ขณะที่หลายประเทศทั่วโลกเริ่มเปิดประเทศ ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น และภาครัฐมีนโยบายเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีการจัดตั้งเพื่อรองรับความต้องการในช่วงเวลานั้นเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ตัวเลขในปี 2566 ค่อนข้างสูงอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยมีอัตราการเติบโตในครึ่งปีแรกของปี 2566 ที่เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกปี 2565 ถึง 17.33%

อย่างไรก็ตามแนวโน้มการจดทะเบียนธุรกิจปี 2567 ยังคงคาดการณ์การเติบโตของการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ที่ 5 - 15% (90,000 - 98,000 ราย) จากปัจจัยสนับสนุน เช่น นโยบายของภาครัฐ การเดินหน้านโยบายเงินดิจิทัลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการดึงดูดการลงทุนจากชาวต่างชาติที่มีการกระตุ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปี เช่น มาตรการวีซ่าพำนักระยะยาว มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกิจการผลิตและกิจการ รวมทั้ง การลงทุนจากภาครัฐที่กำลังดำเนินการหลังจากที่เริ่มจัดสรรงบประมาณในปี 2567 ตามที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา

การดำเนินการของภาครัฐทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม รวมทั้ง ภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยที่สำคัญ ซึ่งจากแผนงานของภาครัฐที่มีนโยบายกระตุ้นด้านการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะครึ่งปีหลังในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ช่วง High Season ฤดูการท่องเที่ยวซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเยือนไทยสูงสุดของปี

สำหรับปัจจัยท้าทาย เช่น ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ เนื่องจากมีผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคในประเทศ อัตราเงินเฟ้อ ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์จากต่างประเทศที่อาจส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและกระทบมาถึงเศรษฐกิจของไทย รวมทั้ง การใช้จ่ายเงินงบประมาณของภาครัฐที่ต้องเร่งเบิกจ่ายให้เร็วขึ้น เนื่องจากเกี่ยวข้องกับธุรกิจ SME โดยตรง โดยหากงบประมาณลงพื้นที่อย่างรวดเร็ว จะส่งผลให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น และมีการใช้จ่ายเงินเพื่อการบริโภคโดยทันทีเช่นเดียวกัน

 

TAGS: #กรมพัฒนาธุรกิจ #เศรษฐกิจไทย #ยอดจดทะเบียน