‘ซีพีเอ็น’ แนะใช้จังหวะดี ช่วงเที่ยวไทยขาขึ้น-ดูดกำลังซื้อนทท.ปรับภาษีลักซูรีเหลือ15% แหล่งช้อปเทียบชั้นสิงคโปร์-ฮ่องกง

‘ซีพีเอ็น’ แนะใช้จังหวะดี ช่วงเที่ยวไทยขาขึ้น-ดูดกำลังซื้อนทท.ปรับภาษีลักซูรีเหลือ15% แหล่งช้อปเทียบชั้นสิงคโปร์-ฮ่องกง
ยุทธศาสตร์ ‘ซีพีเอ็น’ ผุดอสังหาฯมิกซ์ยูสใช้แกน‘ค้าปลีก’นำโยงกำลังซื้อทั่วโลกกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่นทุกจังหวัดที่มีสาขาศูนย์ฯเปิดให้บริการ ด้วยงบลงทุนต่อเนื่อง 121,000 ล้านบาทใน5ปี

วัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ค้าปลีก ที่อยู่อาศัย และโรงแรม รายใหญ่ เปิดเผยว่ากำลังซื้อในภาพรวมของไทยในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มดีทั้งในและจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่เดินทางมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่องถึงในขณะนี้ โดยบริษัทฯ มองว่าจะเป็นการเริ่มต้นปี 2567 ที่ดีสำหรับภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของไทย สอดคล้องกับที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วางเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางมายังไทยมากกกว่า 30 ล้านรายในปีนี้

โดยมีปัจจัยสนับสนุนต่างๆ รวมถึงมาตรการฟรีวีซ่าระหว่างไทย-จีน ที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือน มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจค้าปลีกในประเทศ เห็นได้ชัดในสาขาศูนย์การค้าเซ็นทรัล ในทำเลเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่พบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีน เดินทางเข้ามาใช้บริการในศูนย์ฯจำนวนมากขึ้น  

“ในช่วงที่ผ่านมาการท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งมาจากจุดแข็งต่างๆสำคัญ ทั้งอาหาร วัฒนธรรม ธรรมชาติ ฯลฯ ที่สนับสนุนให้เป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางของนักเดินทางจากทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง” วัลยา กล่าวพร้อมเสริมว่า  

นอกจากจุดแข็งดังกล่าวและแนวโน้มเชิงบวกการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยแล้ว เห็นว่าประเทศไทย ยังมีศักยภาพการสู่การเป็นเดสติเนชันด้านการท่องเที่ยวและช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม หรือลักซูรี่ ได้เทียบเท่ากับประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกง ได้ด้วยเช่นกันโดยอาจมีความเป็นไปได้ในการเพิ่มมาตรการจูงใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทาง มาไทยด้วยมาตรการลดหย่อนภาษีสินค้านำเข้าในอัตราลดลงมาราว 15% จากปัจจุบันมีอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศอยู่ที่ 30%

“ในช่วงขาขึ้นของการท่องเที่ยวไทยในขณะนี้ อาจมีความเป็นไปได้ในการกระตุ้นการจับจ่ายซื้อสินค้าแบรนด์เนมที่จำหน่ายในประเทศไทย โดยลดภาษีนำเข้าสินค้าลงมาได้ครึ่งหนึ่งจากอัตราภาษีที่ใช้ในปัจจุบันราว30% ซี่งหากทำได้จะทำให้ไทยสามารถแข่งขันได้ทัดเทียมกับสิงคโปร์และฮ่องกง ในการเป็นเดสติเนชันการท่องเที่ยวและช้อปปิงในระดับภูมิภาค ที่จะทำให้เกิดการรีวิสิทของของนักท่องเที่ยวมาไทยได้อีก” วัลยา กล่าว

พร้อมเสริมว่า จากนโยบายภาครัฐที่ผลักดันให้เดือนเมษายน ปี2567 นี้ ให้เป็นเทศกาลสงกรานต์ตลอดทั้งเดือน คาดจะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมใหญ่ที่ส่งผลดีต่อบรรยากาศทางเศรษฐกิจในภาพรวมและการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดภายใต้แคมเปญใหญ่ในเทศกาลสงกรานต์ออกมารองรับกำลังซื้อผู้บริโภคด้วย โดยเฉพาะในสาขาหัวเมืองใหญ่และจังหวัดเมืองท่องเที่ยว ที่ปัจจุบันซีพีเอ็นเปิดให้บริการศูนย์​การค้าครอบคลุม 21 จังหวัดทั่วประเทศไทย

แผน 5 ปีลงทุน 121,000 ล้านบาท

วัลลยา กล่าวต่อถึงแผนการดำเนินธุรกิจภายใน 5 ปี (2567-2572) เตรียมใช้งบลงทุนต่อเนื่องราว 121,000 ล้านบาท โดยในปี 2567 เตรียมเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 13 โครงการ แบ่งออกเป็น

ศูนย์การค้า 2 แห่ง ได้แก่

  • ศูนย​การค้าเซ็นทรัลนครสวรรค์ (เปิดให้บริการแล้วในเดือนม.ค.2567 ที่ผ่านมา)
  • ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครปฐม (เตรียมเปิดให้บริการวันที่ 30 มีนาคม 2567)

โครงการที่อยู่อาศัย 10 โครงการ และ โรงแรมแห่งใหม่ที่ระยอง ร่วมกับ International Chain ระดับโลก

ทั้งนี้ ภายในปี 2567 จะมีโครงการศูนย์การค้า 42 โครงการ คอมมูนิตีมอลล์ 17 โครงการ ที่อยู่อาศัย43 โครงการ โรงแรม 10 โครงการ และ สำนักงาน(ออฟฟิศ) 10 โครงการ

จากภาพรวมการลงทุนดังกล่าวยังสะท้อนความแข็งแกร่งด้านรายได้จากในปีที่ผ่านมาสร้าง New High ด้านผลประกอบการประจำปี 2566 มีรายได้ 46,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 26% รวมถึงด้านทราฟฟิกศูนย์การค้าและยอดขายร้านค้าที่ดีกว่าเป้าหมาย สามารถมอบเงินปันผลสูงที่สุด อีกทั้งการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPNREIT ทำรายได้เพิ่มขึ้น 16% และให้อัตราผลตอบแทน (Yield) 10%

“การเติบโตทั้งรายได้ราว 20% และกำไรราว 40% ของซีพีเอ็น สร้างความประหลาดใจอย่างมากต่อกำลังซื้อของภาพรวมในประเทศที่ยังมีกำลังการจับจ่ายอยู่แม้จะตัวเลขสัดส่วนหนี้ครัวเรือนที่สูงก็ตาม” วัลยา กล่าว  

รีโนเวท 3 ศูนย์ฯ ตรึง3 ทำเลสำคัญกรุงเทพฯ

ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล Chief Development and Commercial Officer ซีพีเอ็น จะมีการลงทุนการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ (Asset Enhancement) ในปีลงทุนราว 23,000 ล้านบาท พร้อมพัฒนาอีก 5 โครงการมิกซ์ยูสแห่งใหม่  รวมขนาดพื้นที่ทุกโครงการราว 2.2 ล้าน ตร.ม. จากปัจจุบันโครงการมิกซ์ยูสทั้งสิ้น 25 โครงการ โดยจะเปิดตัวโครงการแรก คือ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ซึ่งในเดือนกันยายนปีนี้ เตรียมเปิดตัวโรงแรมดุสิตธานีโฉมใหม่ พร้อมเปิดส่วนอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า Central Park ในปี 2568

นอกจากนี้ยังเตรียมแผนพัฒนาโครงการเมกะมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ อีก 5 โครงการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำแผนพัฒนาโครงการคาดมีความชัดเจนพร้อมเปิดเผยรายละเอียดในช่วงปลายปี 2567 นี้ โดยโครงการฯที่จะพัฒนาขึ้นใหม่มีทั้งทำเลในย่านใจกลางธุรกิจ(CBD) และไม่ใช่ CBD โดยแต่ละโครงการใช้งบลงทุนเฉลี่ย 20,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ซีพีเอ็น ยังมีแผนปรับศูนย์การค้าแบบเทิร์นอะราวด์ (turnaround) ทั้งหมด 6 ศูนย์การค้า รอบทิศกรุงเทพฯ-ปริมณฑล คือ โซนทิศใต้ ‘เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า’ รองรับกำลังซื้อที่สูงขึ้น โซนทิศตะวันออก ‘เซ็นทรัล บางนา’ จับกลุ่มลูกค้าระดับบน (Top Tier) ย่านบางนา, โซนรอบนอกกรุงเทพทิศตะวันตก ‘เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ’ ด้วยคอนเซปต์ มอลล์ รูปแบบใหม่ตอบโจทย์อีโค อาร์ต ไลฟ์สไตล์ และ ‘เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์’ สร้างเป็นแลนด์มาร์คโฉมใหม่ พร้อมปรับโฉมสาขาในเมืองท่องเที่ยว ‘เซ็นทรัล พัทยา’ รองรับกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยว และ ‘เซ็นทรัล มารีน่า’ ในรูปแบบเอาท์เล็ต ฟอร์แมต เจาะพฤติกรรมการช้อปของนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่ง

โดยในปี 2568 ซีพีเอ็น ยังเตรียมเปิด ‘เซ็นทรัล กระบี่’ มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท เพื่อเติมเต็มรูปแบบการใช้ชีวิตด้านค้าปลีกในเมืองกระบี่ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก เพื่อรองรับกำลังซื้อของผู้ประกอบการท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ที่จัดเจน

แนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ซีพีเอ็น คาดจะผลักดันไปสู่การสร้างการเจริญเติบโตร่วมกันในระดับท้องถิ่น ด้วยการใช้ธุรกิจค้าปลีก หรือศูนย์การค้าเป็นตัวนำในระบบนิเวศ(eco system) ทางเศรษฐกิจชุมชนในแต่ละจังหวัดที่บริษัทฯ เข้าไปลงทุนและพัฒนาโครงการต่างๆ ได้พร้อมกัน