KCAR ไม่ห่วงตลาดรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาทหดตัว ลงทุน 2 พันล้านบาทรุกหนักมากขึ้น สวนทางคู่แข่งหายไปเยอะ มุ่งแข่งบริการ ปรับแผนธุรกิจเพิ่มหลากหลายบริการปิดทุกความต้องการลูกค้าใหม่/เก่า
พิชิต จันทรเสรีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ เคคาร์ (KCAR) กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมรถเช่าในปีนี้คาดว่าตลาดจะทรงตัว จากปี 2566 ที่มีมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท หดตัวลงมากกว่า 10% มาจากภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งลูกค้ากลุ่มโลจิสติกส์ ที่เปลี่ยนจากการเช่ามาเป็นซื้อแทน หรือใช้เป็นรถร่วมแทน เพื่อลดต้นทุน และกลุ่มที่ยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งปีนี้จะยังได้รับผลกระทบต่อเนื่อง
ดังนั้นการเช่ารถระยะยาว (1-5 ปี) จะยังหดตัว หรือ อาจจะทรงตัว ในขณะที่การเช่าระยะสั้นเริ่มกลับมาแล้ว จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว แต่ยังเป็นสัดส่วนที่เล็กอยู่ ส่วนเคคาร์ ในปีนี้จะเน้นทำตลาดในเชิงรุกมากขึ้น โดยเฉพาะการให้บริการที่ดี เพราะมองเห็นโอกาส จากการที่คู่แข่งในตลาดลดลง และส่วนใหญ่ไปเน้นกลยุทธ์ราคา เพื่อลดต้นทุน ส่งผลให้คุณภาพการให้บริการลดลง รวมทั้งการเพิ่มรถยนต์ไฟฟ้า ตามความต้องการของลูกค้า โดยตั้งเป้าจะเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ 10% จากปัจจุบันมีอยู่ 1,200 ราย เป็นลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชน
สำหรับธุรกิจจำหน่ายและรับซื้อรถมือสองภายใต้โปรแกรมมาตรฐาน ‘โตโยต้า ชัวร์’ ที่บริษัทได้ขยายมาเสริมธุรกิจรถเช่า ในปีนี้บริษัทมองเห็นโอกาสในการรุกตลาดมากขึ้น แม้ว่าภาพรวมตลาดรถยนต์มือสองจะยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องจากปีที่แล้ว แต่น่าจะหดตัวเพียงเล็กน้อย จากภาวะเศรษฐกิจ และกดดันจากรถยนต์ไฟฟ้าที่มาดึงส่วนแบ่งไปในบ้างกลุ่ม แต่ผู้บริโภคยังมีความต้องการอยู่ บริษัทจึงพร้อมรุกทำตลาด และปรับช่องทางการขายผ่านเว็บไซต์ใหม่ ให้ง่ายขึ้น
โดยในปี 2567 บริษัทวางงบลงทุนไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาท สำหรับการซื้อรถยนต์เป็นหลัก โดยจะเพิ่มรถมือสอง เป็น 2,000 คัน จาก 1,000 คัน เพื่อผลักดันยอดขายรถมือสองให้เติบโต 10-15% ส่วน พอร์ตรถยนต์เช่า 9,000 คัน จะยังคงเดิม
ในขณะที่รายได้รวมปีนี้วางไว้เติบโตประมาณ 5% แต่กำไรจะเติบโตได้มากกว่าต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยบริษัทสามารถผลักดันรถเช่า และรถมือสอง ทำกำไรสูงสุดในอุตสาหกรรมสวนตลาดกระแสเศรษฐกิจซบ สู้วิกฤตหุ้นกู้และยอดขายรถมือสองตก