ริสแลนด์ เบรคขึ้นโครงการใหม่ปี66 แต่หันสะสมที่ดินรอพัฒนาอสังหาฯในอนาคต จัดหนักอีเวนต์ตลาดเจาะออนไลน์ขยายกลุ่มลูกค้าต่างชาติ รับยอดขายปี 65 ทะลุเป้ากว่า 6,900 ล้านบาท ใน 7 โครงการ
สวี่ โจว ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการขายและการตลาด ประจำภูมิภาคไทย บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 จะยังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวโน้มราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสมประมาณ 3-8% เทียบกับปี 2565 เพื่อป้องกันแรงกดดันจากเงินเฟ้อ โดยผลกระทบของเงินเฟ้อทำให้ต้นทุนหลัก เช่น ค่าก่อสร้าง ค่าแรงงาน ค่าไฟฟ้า และอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
ส่วนอุปทานคอนโดมิเนียมในย่านทองหล่อ เอกมัย โดยคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2566 จะมีจำนวนคอนโดมิเนียมใหม่เปิดขายสะสมสูงประมาณ 6,000 ยูนิต มีอัตราการดูดซับของตลาดกว่า 70 - 80% และมีอัตราผลตอบแทนการลงทุนประมาณ 5-6 %
ขณะที่แผนดำเนินงาน ริสแลนด์ในปี2566 ยังไม่มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ แต่ได้วางแผนในระยะยาวมองหาและสะสมที่ดินแปลงใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเพื่อวางแผนที่จะเปิดตัวโครงการในอนาคตในช่วงเวลาที่เหมาะสม
และในปีนี้ยังจะให้ความสำคัญการจัดกิจกรรมทางการตลาดในอีเว้นท์ใหญ่รวมทุกโครงการ เช่น งานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 43 พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษต่างๆภายในงาน และงานเปิดตัวอาคารไฮไรส์ โครงการ เดอะลิฟวิ่น เพชรเกษม ในช่วงกลางปีนี้ โดยวางเป้าหมายรายได้รวมอยู่ที่ 6,808 ล้านบาท
ล่าสุด ริสแลนด์ จัดงานเปิดตึกโครงการ คลาวด์ ทองหล่อ – เพชรบุรี คอนโดมิเนียมไฮไรส์บนถนนเพชรบุรี ให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมตึกจริง ห้องจริง วิวจริง เป็นครั้งแรก จุดเด่นพื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 4,000 ตารางเมตร มีความสูง 55 ชั้น พร้อม Sky Facilities Full Function และสระว่ายน้ำบนชั้นลอยฟ้า ออกแบบหรูหราให้เป็นส่วนตัวจำนวน 14 ห้องต่อชั้น ในราคาเริ่มต้น 3.2 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการในปี 2565 ริสแลนด์มียอดขายกว่า 6,900 ล้านบาท จากทั้งหมด 7 โครงการ ประกอบด้วยโครงการบ้านเดี่ยว 1 โครงการ โครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ และโครงการมิกซ์ยูส 2 โครงการ
โดยปัจจัยความสำเร็จมาจากแนวคิดของริสแลนด์ ในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยปรับราคาบางส่วนให้เหมาะสมกับราคาตลาด รวมถึงนโยบายส่วนลดพิเศษอื่นๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องของลูกค้าตามสภาพเศษฐกิจในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังมุ่งการทำตลาดและการขายผ่านช่องทางออนไลน์ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมเพิ่มช่องทางการขายผ่านตัวแทนขายในต่างประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้กลุ่มลูกค้าต่างชาติ ในช่วงที่มีการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ