‘ธนินท์’ ออกปากเชียร์รัฐบาลมาถูกเวลาช่วยแก้ปัญหาประเทศ ชี้แจกเงินหมื่นดิจิทัลไม่ใช่ช่วยคนยากจน แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “90 ปีหอการค้าไทย กับ การพัฒนาของเศรษฐกิจไทย” ในงานสัมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 41 ในโอกาสครบรอบ 90 ปี หอการค้าไทยว่า เรื่องแรกที่จะมาพูดคือ ต้องขอชมเชยรัฐบาลที่ผ่านมาในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีการรักษาวินัยการเงิน-การคลังสามารถทำได้ดีโดยไทยยังอยู่ในท็อปของโลกเรื่องการรักษาวินัยทางการเงิน หนี้สาธารณะของไทยยังแค่ 61% ต่อจีดีพี ขณะที่หลายประเทศทั่วโลกตัวเลขหนี้สาธารณะกว่า 100% ต่อจีดีพี แต่วันนี้เศรษฐกิจโลกไม่เป็นปกติ เข้าสู่วิกฤติเศรษฐกิจ ยกเว้นสหรัฐฯ แม้จะปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่เงินก็ไหลเข้าสหรัฐฯ เพราะคนเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ
สำหรับรัฐบาลชุดใหม่ของไทยมีความเชื่อมั่นสูงว่าเข้ามาในเวลาที่ถูกต้อง เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ที่ไม่ใช่เพียงนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ยังเป็นนักบริหารการเงินอย่างยอดเยี่ยม
“ผมมีความมั่นใจกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทุกอย่างถูกต้อง วันนี้เศรษฐกิจไม่ปกติ การกระตุ้นเศรษฐกิจใช้วิธีปกติมากระตุ้นเศรษฐกิจคงไม่ใช่ อย่างรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เจอโควิดมา 3 ปีทำได้ขนาดนี้ถือว่ายอดเยี่ยม วันนี้โลกเปิดรัฐบาลเศรษฐามีการพักหนี้เกษตรกร ซึ่งก็เห็นด้วยไม่ใช่จะทำให้เสียวินัยการเงินเพราะสินค้าเกษตรเป็นน้ำมันบนดิน ประเทศไทยต้องปกป้องสินค้าเกษตรของประเทศ หากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องสามารถนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกสองเท่าสามเท่าก็จะสามารถนำเงินตราเข้าประเทศได้อีกมาก ซึ่งสินค้าเกษตรเราได้ 100% เพราะงอกจากแผ่นดิน และสามารถปลูกได้ใหม่ ขณะที่น้ำมันใช้แล้วหมดไป”
ส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจ ของรัฐบาล การแจกดิจิทัล ทุกคนต้องช่วยกันพูดว่าไม่ได้ช่วยคนยากจน แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และวินัยการเงินเรายังไม่เสียเป็นแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น แต่จะต้องมีแผนระยะกลางและระยะยาวด้วย ทั้งนี้เชื่อมั่นถ้าเราสามัคคีกัน ทั้งนักธุรกิจ ข้าราชการ นักการเมือง มองประเทศชาติเป็นหลัก ภายใต้การนำของรัฐบาลชุดนี้ เจริญรุ่งเรืองแน่ เพราะเวลานี้ใครๆ ก็อยากมาไทย แม้มีเงินเฟ้อบ้าง ก็อย่าไปกลัว กลัวเงินฝืดมากกว่าอันตรายกว่า ทำเศรษฐกิจล้มละลาย ประเทศล้มละลายได้ วันนี้วินัยการเงินเราเยี่ยมมาก ต้องใช้การกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามวันนี้ไทย ไม่เหมือนยุคต้มยำกุ้ง เป็นประเทศที่น่าลงทุน กำลังเติบโต และเนื้อหอม ถ้าดึงคนเก่ง ๆ ของโลกมาทำงาน มาอยู่เมืองไทย แค่เพียง 5 ล้านคน จะช่วยสร้างงาน สร้างเศรษฐกิจ และไม่ได้เข้ามาแย่งงานคนไทย ถ้าเราออกกฏเกณฑ์ดึงคนที่ทำอาชีพที่คนไทยทำไม่ได้เช่น กลุ่มอาชีพไฮเทค ถ้าคนเหล่านี้ จ้างเลขา 1 คน ก็จะได้การจ้างงาน 5 ล้านคนแล้ว และยังจะทำให้บริษัทท็อปของโลกด้านไฮเทค ก็จะลงทุนในไทยตามมา แต่รัฐบาลต้องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้ด้วย
ดังนั้นในยุคที่ภาคธุรกิจต้องเปลี่ยนผ่านการผลิตไปสู่อุตสาหกรรมไฮเทคที่มีความทันสมัย และทำให้มีต้นทุนที่ถูกลง มีความจำเป็นที่จะต้องดึงต่างชาติที่เก่ง ๆ ของโลกมาอยู่ในเมืองไทยและช่วยสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยอย่างน้อย 5 ล้านคน โดยออกกฎหมายและอำนวยความสะดวกให้เขาเข้ามาอยู่ในเมืองไทย ดังเช่น ดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ดึงคนเก่ง ๆ ของโลกเข้าไปอยู่และช่วยสร้างเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงประเทศสิงคโปร์ที่มีประชากรเพียง 2 ล้านคน และดึงคนเก่ง ๆ ของโลกอีก 2 ล้านคนไปช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ
นายธนินท์ กล่าวว่า ฝากรัฐบาล เราควรจะมีกองทุนสนับสนุน มีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยชี้แนะนำให้กับนักธุรกิจไทย เชื่อว่าเราไม่แพ้ใคร รัฐบาลต้องมีการเงินเข้ามาสนับสนุนและเอาความรู้ คนเก่งๆ ที่มาช่วยประเทศไทย สิ่งที่นักธุรกิจต้องมองคือขณะนี้การค้าขายออนไลน์ยิ่งมากก็ยังต้องพึ่งผู้ผลิตมากขึ้น อะไรที่จะจับต้องได้ก็ต้องผลิต พวกเราเป็นธุรกิจตัวนัก และเป็นธุรกิจหลักของชาติของเศรษฐกิจ ก็หวังว่าทุกคนจะมีอนาคต ขอให้รับการเปลี่ยนแปลงให้ทัน บริหารจัดการใช้ระบบใหม่ ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และไม่ใช่อาศัยค่าแรงงานถูก หมดยุคแล้ว แต่ค่อยๆเปลี่ยน เราต้องเตรียมความพร้อมถ้าค่าแรงสูงขึ้น แล้วเราจะทำยังไงก็ต้องใช้ไฮเทคมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงาน