7 เทรนด์การเดินทางปี67 คนไทยบอกยังเที่ยว ไหวนะ แต่เลือกปลายทางค่าครองชีพต่ำ-ใช้เงินให้คุ้ม

7 เทรนด์การเดินทางปี67  คนไทยบอกยังเที่ยว ไหวนะ  แต่เลือกปลายทางค่าครองชีพต่ำ-ใช้เงินให้คุ้ม
Booking.com เผยปี 2567 ‘การท่องเที่ยว คือ ชีวิต’ คนไทยยังวางแผนเดินทางล่วงหน้า เน้นบริหารงบฯเลือกค่าครองชีพถูกกว่า พร้อมเทรนด์ หนีร้อนไปพึ่งเย็น-หาคู่รัก และฮีลใจ เพื่อมูฟออน ยังมาแรง  

มิเชล เกา ผู้จัดการประจำภูมิภาคประจำกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงของ Booking.com แพลตฟอร์มบริการจองการเดินทางท่องเที่ยว เปิดเผยเทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวปี 2567 จัดทำโดย Booking.com จากผลสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 27,730 คน ใน 33 ประเทศ ช่วงเดือน ก.ค. 2566 ที่วางแผนจะเดินทางในทริปธุรกิจ/พักผ่อน ในช่วง 14-24 เดือนข้างหน้า  

พร้อมเจาะลึกความต้องการของนักเดินทางชาวไทย และปัจจัยหลักในการตัดสินใจเดินทางในปี 2567 ที่มองว่า Travel is Life ‘การเดินทางคือชีวิต’ โดย 89% ของผู้เดินทางชาวไทย (และ 78% ของผู้เดินทางทั่วโลก) ระบุว่าพวกเขารู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้เดินทาง และ 88% ของผู้เดินทางชาวไทยเชื่อว่าพวกเขาได้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุดระหว่างออกท่องเที่ยว

จากในช่วงปี 2566 นี้ มีปัจจัยพิจารณาเมื่อจะออกเดินทางเป็นหนทางหนึ่งในการหลีกหนีจากชีวิตประจำวันที่วุ่นวาย

โดยผลสำรวจระบุ ‘คนไทย’ อยู่อันดับ11 ที่ยังเชื่อมั่นการเดินทาง สัดส่วน 71% ได้มีการวางแผนเดินทางล่วงหน้าแล้ว ขณะที่สัดส่วน 65% มีความกังวลด้านค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น และ 57% ของกลุ่มตัวอย่างจะวางแผนใช้จ่ายการเดินทางอย่างละเอียดรอบครอบมากขึ้น  พร้อมมองหาประเทศจุดหมายปลายทางที่มีค่าครองชีพต่ำกว่าเพื่อความคุ้มค่าของค่าเงินที่ใช้จ่าย ซึ่งเป็นแนวโน้มเดียวกับนางประเทศที่วางแผนเดินทางมายังไทย ในเหตุผลเดียวกัน

“ค่าครองชีพที่สูงขึ้นในทั่วโลก มีผลต่อการเลือกจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว  พบว่าคนไทย 65% มีความกังวลค่าครองชีพ 45% จะดูแลงบประมาณการใช้จ่าย  และ 61% จะเน้นการเดินทางที่ตอบรับกับความยั่งยืนมากขึ้น เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลกที่กลับมาฟื้นตัวแล้ว” มิเชล กล่าว

พร้อมสรุป 7 รูปแบบนักเดินทางในปี 2567 ดังนี้

1.เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ เมื่อออกเดินทาง

ปี 2567 ผู้เดินทางจะรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นด้วยการสร้างตัวตนใหม่

  • 88% เชื่อว่าพวกเขาได้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุดระหว่างออกท่องเที่ยว สามารถหลีกหนีข้อจำกัดต่าง ๆ และเปิดรับบุคลิกภาพใหม่ ๆ ของตนเองได้อย่างเต็มที่
  • 74% สร้างเรื่องราวในชีวิตของตัวเองเอาไว้บอกเล่าคนที่ได้พบเจอระหว่างการเดินทาง
  • 78% ชอบที่ไม่ต้องเผยตัวตนที่แท้จริงขณะเดินทางและมีโอกาสได้สร้างตัวตนในแบบที่ต้องการ
  • 59% ยอมจ่ายเงินเพื่อเช่ารถที่ดีกว่าคันที่ขับอยู่ที่ประจำ เพื่อใช้ชีวิตที่ต่างจากเดิมอย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
  • 69% รู้สึกได้ถึง "อินเนอร์ของตัวละครหลัก" ที่ตัวเองเป็นในขณะออกเดินทาง

2. ทริปหนีร้อนไปพึ่งเย็น

จากสภาพอากาศที่ร้อนระอุ และคลื่นความร้อนทั่วโลก กระตุ้นให้ผู้เดินทางมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสภาพภูมิอากาศเย็นกว่าในชีวิตประจำวันที่เผชิญอยู่ เพื่อหาช่วงเวลาพักผ่อนสำหรับคลายร้อนและความกังวล

  • 78% ของผู้เดินทางชาวไทย วางแผนการท่องเที่ยวในปีหน้า จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • 75% มองหาสถานที่พักผ่อน หรือออกเดินทางเพื่อไปคลายร้อน เพราะอุณหภูมิแถวบ้านพุ่งสูงขึ้น
  • 84% เห็นด้วยว่าการได้พักผ่อนใกล้ชิดกับสายน้ำทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นได้ทันที
  • 40% สนใจการท่องเที่ยวพักผ่อนที่เน้นใกล้ชิดกับน้ำ

นอกจากนี้ ในปี 2567 การดำดิ่งลงใต้น้ำเพื่อฝึกจิตจะกลายเป็นการทำสมาธิในรูปแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมจนกลายเป็นกระแสหลักขึ้นมาอย่างรวดเร็ว การเดินทางเพื่อเสริมสร้างพลังและสร้างความสดชื่นนี้จะทำให้การเล่นโยคะลอยตัวบนน้ำ การทำสมาธิด้วยเสียงน้ำ และการทำสมาธิกลางหิมะ

รวมไปถึงการบำบัดและผ่อนคลายด้วยน้ำเย็นจัด โรงแรมใต้น้ำ หรือกิจกรรมในธีมโลกใต้ทะเลหรือเมืองของเงือก ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งน้ำจะไม่เป็นเพียงฉากหลังอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนออกเดินทาง

3. ขอให้ได้ลุ้น

ผู้เดินทางในปีหน้า มาพร้อมคติประจำใจในการใช้ชีวิตให้เต็มที่และก้าวออกจากความจำเจในชีวิตประจำวัน เปลี่ยนจากการวางแผนตามเช็คลิสต์ โดยลุ้นว่าจะได้เจออะไรบ้าง เพื่อสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่

  • 61% ของผู้เดินทางชาวไทยสนใจจองการเดินทางที่สร้างความประหลาดใจในแบบที่ไม่รู้เลยว่าจะได้ไปที่ไหนบ้างจนกว่าจะไปถึง
  • 76% ต้องการที่จะไปในจุดหมายปลายทางที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก
  • 53% มองหาทริปเดินทางร่วมกับคนแปลกหน้า
  • 67% ไม่ต้องการแผนหรือเช็คลิสต์ก่อนเดินทางสำหรับทริปในปีหน้า
  • 82% เน้นวางแผนการเดินทางแบบไม่ละเอียดมาก มีความยืดหยุ่นได้ เพื่อเปลี่ยนแผนได้ตามอารมณ์ในตอนนั้น

4.  ตามรอยต้นกำเนิดของความอร่อย

ในปี 2567 ผู้เดินทางสายกินต้องการสำรวจไปถึงจุดกำเนิดและรากวัฒนธรรมของอาหารจานเด็ดในขณะเดินทางท่องเที่ยว

  • 78% สนใจเรียนรู้ต้นกำเนิดอาหารจานเด็ด และอาหารที่ "ห้ามพลาด" ในจุดหมายปลายทางนั้นๆ
  • 92% อยากลิ้มลองอาหารพื้นเมืองมากขึ้นในปีหน้า โดยเน้นค้นหารสชาติอาหารดั้งเดิมที่ปรุงด้วยสูตรลับที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น

5.  ผ่อนคลายเพื่อฟื้นพลัง

ผู้เดินทาง ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย เน้นจองทริปเจาะจงแค่การพัฒนาร่างกายและจิตใจแต่เพียงอย่างเดียว เพื่อเยียวยาความรู้สึกและคลายความเครียดให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการได้อีกครั้ง เทรนด์ที่น่าสนใจมีดังนี้

ยุคสมัยของการท่องเที่ยวเพื่อการนอนหลับ (Sleep Tourism) ผู้ประกอบธุรกิจหันมาให้บริการที่ส่งเสริมด้านการนอนหลับและใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยที่จะตอบโจทย์ผู้เดินทางชาวไทย

  • 75% ที่ให้ความสำคัญกับการนอนหลับสนิทแบบไม่มีอะไรมากวนใจสำหรับทริปในปี 2567
  • 59% จะหาเวลาไปท่องเที่ยวเพื่อหาคู่หรือคนรักใหม่
  • 54% ที่จะเน้นไปยังการท่องเที่ยวพักใจเพื่อลืมคนรักเก่าให้ได้เสียที
  • 13% ต้องการกระชับความสัมพันธ์กับคนรักให้แน่นแฟ้น และเน้นเรื่องนี้เป็นหลักในการเดินทางปีหน้า

สำหรับผู้ที่เผชิญกับปัญหาครอบครัวไม่รู้จบ จะมองหาการพักผ่อนแบบสันโดษหรือไปเที่ยวคนเดียวแบบไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร โดยส่วนใหญ่ (76%) วางแผนเดินทางคนเดียวในปีหน้า แบบไม่พาลูกและคู่ครองของตัวเองไปด้วยเพื่อรีชาร์จพลังชีวิตตัวเอง

6.  ยกระดับวันหยุดแบบ A La Carte

วิกฤตค่าครองชีพ และการเข้ามาของเทรนด์รวยแบบกระซิบ (Stealth Wealth) ที่เป็นกระแสในปี 2566 ส่งผลให้ผู้เดินทางในปี 2567 จะหันมาหาวิธีรัดเข็มขัดเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

แต่ยังต้องการยกระดับการท่องเที่ยวให้มีความหรูหราแบบ "ตามสั่ง" หรือ "A La Carte" ผ่านการใช้จ่ายแบบเต็มที่ในทริปสั้น ๆ หรือเลือกที่จะลดค่าใช้จ่ายด้านหนึ่งเพื่อไปเต็มที่กับสิ่งที่ตนเองต้องการมากกว่า เพื่อสัมผัสกับประสบการณ์เหนือระดับแม้จะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งก็ตาม

  • 64% วางแผนเลือกจุดหมายปลายทางที่ค่าครองชีพถูกกว่าเมืองตัวเองอยู่ เพื่อใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่มากขึ้น
  • 64% ระบุว่าการเดินทางใกล้บ้านเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากพวกเขากำลังค้นหาทริปวันหยุดพักผ่อนที่สามารถให้ความรู้สึกใกล้เคียงตัวเลือกที่หรูหรา แต่มีราคาไม่แพง เพื่อลดค่าใช้จ่าย
  • 65% ยินดีจ่ายค่าบัตรผ่านรายวันเพื่อเข้าใช้สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรมห้าดาว แทนการเข้าพักจริง
  • 65% วางแผนให้ลูกหลานลาเรียน แล้วออกเดินทางนอกฤดูท่องเที่ยวเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายตอนออกเดินทาง

โดย ผู้เดินทางที่ต้องการยกระดับการท่องเที่ยวให้มีความหรูหราแบบ "ตามสั่ง" หรือ "A La Carte" นี้ต้องการสัมผัสประสบการณ์เดินทางเหนือระดับ และต้องการให้การพักผ่อนเป็นไปอย่างผ่อนคลายฉีกจากชีวิตจริงที่ต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง

7.  สุนทรียศาสตร์ของการเดินทางแบบยั่งยืน

ในปี 2567 ความสำคัญของการออกแบบ นวัตกรรม และความใส่ใจถูกนำมาใช้ร่วมกันกับการเดินทางอย่างยั่งยืน

  • 78% กำลังมองหาที่พักที่มีนวัตกรรมด้านความยั่งยืนที่ดูตื่นตาตื่นใจ
  • 83% อยากเห็นการดำเนินการเพื่อความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรม
  • 65% ต้องการเห็นที่พักตกแต่งภายในด้วยพื้นที่สีเขียวและประดับด้วยต้นไม้ราวกับอยู่กลางธรรมชาติ

โดยผู้เดินทางจำนวนมาก สนใจแพลตฟอร์มสำหรับการเดินทางแบบยั่งยืนที่มีตัวเลือก หรือ ข้อเสนอให้สามารถปลดล็อกสมนาคุณได้  (84%) เช่น อยากให้นำเสนอประสบการณ์ทดลองใช้ชีวิตกับคนในชุมชนท้องถิ่นหรือจุดหมายที่ไม่คุ้นเคย (47%) หรือ ข้อเสนอเป็นทริปการเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกลที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อาจจะยังเข้าไม่ถึง (44%)

มิเชล กล่าวว่า จากแนวโน้มดังกล่าว Booking.com เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ เอไอ (AI) เพื่อให้บริการบนพลตฟอร์มทั่วโลกในปี2567 หลังจากในปีนี้ได้ทดลองให้บริการไปแล้วในสหรัฐอเมริกา เพื่อเพิ่มความสะดวกแก่นักเดินทางในการวางแผนเดินทางในแต่ละจุดหมายปลายทาง

ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการเดินทางที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยการให้บริการตัวเลือกด้านการเดินทาง หรือแพ็กเกจแบบยืดหยุ่นให้ผู้เดินทางปรับเปลี่ยนแผนได้ตามใจ โดยใช้เทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วย เพื่อทำให้ผู้เดินทางมีตัวเลือกในการยกเลิก เปลี่ยนแผน และซื้อก่อนจ่ายทีหลังโดยกดเพียงปุ่มเดียว

สำหรับการดำเนินงานของ Booking.com ในไตรมาส 3 ปีนี้ มี 3 ตลาดที่เติบโตมากที่สุด คือ เอเชีย, ยุโรป และ สหรัฐอเมริกา  โดยมีอัตราการจองห้องพักในภาพรวมอยู่ที่ 267 ล้านคืน (Room Night) เติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันในปี2565 อยู่ที่ 15% และมากว่าช่วงโควิดในปี 2562 สูงถึง 20%

 

 

TAGS: #Booking.com #เทรนด์ท่องเที่ยว2567 #นักเดินทาง