เปิดตำราว่าด้วยการใช้'ทหารรับจ้าง' พวกนี้ "กล้าหาญในหมู่เพื่อนแต่ขี้ขลาดในหมู่ศัตรู"

เปิดตำราว่าด้วยการใช้'ทหารรับจ้าง' พวกนี้

ในเวลานี้ สงครามระหว่างไทยกับกัมพูชามีการพูดถึง 'ทหารรับจ้าง'กันอย่างมาก เพราะกองทัพและผู้เชี่ยวชาญไทยชี้ว่า กัมพูชาอาจใช้งานทหารรับจ้างต่างชาติ (ซึ่งบางข้อมูลระบุว่าเป็นทหารรับจ้างอเมริกัน) ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องโดรน อันเป็นทักษะการรบที่ทหารกัมพูชาไม่มี ทำให้เรื่องนี้ถูกพูดถึงกันมาก แม้แต่ฝ่ายกัมพูชาเองก็มัปฏิกิริยาในเรื่องนี้

'ทหารรับจ้าง'เป็นส่วนสำคัญของการรบในสงครามทั้งในอดีตและปัจจุบัน เพื่อที่จะให้คนไทยเข้าใจลักษณะของการใช้งาน 'ทหารรับจ้าง' มีงานเขียนเชิงรัฐศาสตร์ที่ควรจะศึกษาก่อนเพื่อความรู้ทางประวัติศาสตร์และทางปรัชญาการเมืองในการใช้งาน 'ทหารรับจ้าง' ซึ่งมีความซับซ้อน งานเขียนชิ้นนี้คือ "เจ้า" (Il Principe หรือ The Prince) โดย นิคโคลอ มาคิอาเวลลี (Niccolò Machiavelli) นักการทูต นักเขียน นักปรัชญา และนักประวัติศาสตร์ผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการของอิตาลี

มาคิอาเวลลี ได้ยกตัวอย่างกรณีของอิตาลีซึ่งเแตกแยกเป็นรัฐจต่างๆ และมีการใช้งานทหารรับจ้างเพื่อทำสงครามระหว่างกัน เขากล่าวว่า 

"อิตาลี ซึ่งถูกปกครองโดยทหารรับจ้างมาหลายปีแล้ว ... อิตาลีถูกแบ่งออกเป็นหลายรัฐ เมืองสำคัญหลายแห่งลุกขึ้นต่อสู้กับชนชั้นสูงของตน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากจักรพรรดิและกดขี่พวกเขาอยู่ และศาสนจักรก็สนับสนุนเรื่องนี้เพื่อเพิ่มอำนาจทางโลกของตน ในเมืองอื่นๆ อีกหลายแห่ง ประชาชนคนใดคนหนึ่งก็กลายเป็นเจ้าผู้ปกครอง ดังนั้น อิตาลีจึงตกอยู่ในมือของศาสนจักรและสาธารณรัฐเพียงไม่กี่แห่งเกือบทั้งหมด และเนื่องจากนักบวชและพลเมืองคนอื่นๆ ไม่คุ้นเคยกับการถืออาวุธ พวกเขาจึงเริ่มจ้างชาวต่างชาติมาเป็นทหาร"

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอิตาลีเป็นการต่อสู่ระหว่างรัฐต่อรัฐ และมีการใช้ทหารรับจ้างอย่างแพร่หลาย แต่ผลเสียของการใช้หารรับจ้างนั้นเลวร้ายมากในหลายๆ กรณี เพราะพวกนี้ไว้ใจไม่ได้

และนี่คือเนื้อหาว่าด้วยทหารรับจ้าง คือ "บทที่ 12 ประเภทต่างๆ ของกองกำลังอาสาสมัครและทหารรับจ้าง" ดังนี้ 

"หลังจากที่ได้อภิปรายคุณสมบัติของรัฐเจ้าผู้ครองนครเหล่านี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว และได้พิจารณาถึงสาเหตุของความเจริญรุ่งเรืองหรือความล้มเหลวของรัฐเหล่านั้นไปบ้างแล้ว รวมทั้งได้แสดงให้เห็นถึงวิธีการที่หลายฝ่ายใช้ในการสร้างรัฐเหล่านั้นแล้ว บัดนี้จึงเหลือเพียงแต่ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงวิธีการโจมตีและป้องกันโดยทั่วไปที่สามารถใช้ได้ในแต่ละรัฐ เราได้กล่าวไปแล้วว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าผู้ครองนครจะต้องมีรากฐานที่ดี มิฉะนั้นเขาจะต้องล่มสลายอย่างแน่นอน รากฐานที่สำคัญที่สุดของรัฐทุกรัฐ ไม่ว่าจะเป็นรัฐใหม่ รัฐเก่า หรือรัฐผสม คือกฎหมายที่ดีและอาวุธที่ดี และเนื่องจากจะไม่มีกฎหมายที่ดีได้หากไม่มีอาวุธที่ดี และหากมีอาวุธที่ดีก็ควรจะมีกฎหมายที่ดีด้วย ดังนั้นข้าพเจ้าจะไม่กล่าวถึงกฎหมายในตอนนี้ แต่จะพูดถึงอาวุธ 

ข้าพเจ้าขอกล่าวว่า อาวุธที่เจ้าผู้ปกครองใช้ปกป้องดินแดนของตนนั้น อาจเป็นอาวุธของตนเอง ทหารรับจ้าง ทหารเสริม หรืออาวุธผสม ทหารรับจ้างและทหารเสริมไร้ประโยชน์และอันตราย แต่ใครปกครองรัฐโดยอาศัยกำลังทหารรับจ้าง เขาจะไม่มีวันยืนหยัดได้อย่างมั่นคง เพราะพวกเขาแตกแยก ทะเยอทะยาน ขาดระเบียบวินัย ไม่ซื่อสัตย์ กล้าหาญในหมู่มิตร ขี้ขลาดในหมู่ศัตรู ไม่เกรงกลัวพระเจ้า และไม่รักษาสัญญาต่อมนุษย์ ความหายนะจะถูกเลื่อนออกไปตราบใดที่การโจมตี (โดยทหารรับจ้าง) ถูกเลื่อนออกไป ในยามสงบคุณจะถูกพวกเขาปล้นสะดม และในยามสงครามคุณจะถูกศัตรูปล้น สาเหตุเป็นเพราะพวกเขามีความรักหรือแรงจูงใจอื่นใดที่จะไม่ให้พวกเขาอยู่ในสนามรบ นอกเหนือจากค่าจ้างเล็กน้อย ซึ่งไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขายอมตายเพื่อคุณ

พวกเขาเต็มใจที่จะเป็นทหารของคุณตราบใดที่คุณไม่ก่อสงคราม แต่เมื่อสงครามมาถึง ก็ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ข้าพเจ้าไม่น่าจะมีปัญหาในการพิสูจน์เรื่องนี้ เพราะความล่มสลายของอิตาลีในตอนนี้เกิดจากสาเหตุอื่นใดนอกจากความพึ่งพากองกำลังทหารรับจ้างมาหลายปี ทหารรับจ้างเหล่านี้ได้รับการปรับปรุงบ้างในบางกรณี และดูเหมือนจะกล้าหาญในหมู่พวกเขากันเอง แต่เมื่อชาวต่างชาติเข้ามา พวกเขาก็แสดงให้เห็นถึงความไร้ค่า ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าชาร์ลส์แห่งฝรั่งเศสจึงสบโอกาสในการยึดครองอิตาลีโดยไม่มีปัญหาใดๆ และผู้ที่กล่าวว่านั่นเป็นเพราะบาปของเรานั้นเป็นการพูดความจริง แต่ไม่ใช่บาปที่พวกเขาเชื่อ แต่เป็นบาปที่ข้าพเจ้าได้เล่ามา (คือความผิดพลาดหรือผลกรรมจากการใช้ทหารรับจ้าง) และเนื่องจากเป็นบาป (ความบกพร่อง) ของเจ้าผู้ปกครองพวกเขาก็ย่อมได้รับโทษเช่นกัน ข้าพเจ้าจะอธิบายถึงข้อบกพร่องของกองกำลังเหล่านี้ให้ละเอียดยิ่งขึ้น หัวหน้าทหารรับจ้างนั้นมีทั้งคนที่เก่งกาจและไม่เก่งกาจ ถ้าพวกเขาเก่ง คุณก็ไม่สามารถพึ่งพาพวกเขาได้ เพราะพวกเขาจะใฝ่หาความยิ่งใหญ่ของตนเองเสมอ ไม่ว่าจะโดยการกดขี่คุณซึ่งเป็นเจ้านายของพวกเขา หรือโดยการกดขี่ผู้อื่นที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของคุณ แต่ถ้ากัปตันไม่ใช่คนที่มีความสามารถ เขามักจะทำให้คุณล้มเหลว

และหากมีคนตอบว่า ใครก็ตามที่มีกองกำลังติดอาวุธก็จะทำเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นทหารรับจ้างหรือไม่ก็ตาม ข้าพเจ้าจะตอบว่า ในเมื่อกองทัพนั้นจะต้องถูกใช้โดยเจ้าผู้ปกครองนครรัฐหรือโดยสาธารณรัฐ เจ้าผู้ปกครองจะต้องไปรับตำแหน่งผู้บัญชาการด้วยตนเอง และสาธารณรัฐจะต้องส่งพลเมืองของตนเองไป หากผู้ที่ส่งไปนั้นไร้ความสามารถ ก็ต้องเปลี่ยนตัว และหากมีความสามารถ ก็ต้องออกกฎหมายห้ามไม่ให้เขารุกล้ำขอบเขตที่กำหนด และจากประสบการณ์ก็เห็นได้ว่า มีเพียงเจ้าผู้ปกครองและสาธารณรัฐที่มีกองกำลังติดอาวุธเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในขณะที่กองกำลังทหารรับจ้างทำได้เพียงแต่สร้างความเสียหาย และสาธารณรัฐที่มีกองกำลังติดอาวุธก็ยอมจำนนต่อการปกครองของพลเมืองของตนเองได้ยากกว่าสาธารณรัฐที่ได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังต่างชาติ จักรวรรดิโรมันและนครรัฐสปาร์ตาเคยมีกองกำลังติดอาวุธครบครันและมีอิสรภาพมาหลายศตวรรษ ชาวสวิสก็มีกองกำลังติดอาวุธครบครันและมีอิสรภาพอย่างมาก ตัวอย่างหนึ่งของกองทัพทหารรับจ้างในสมัยโบราณคือชาวคาร์เธจ ซึ่งถูกกดขี่โดยทหารรับจ้างของตนเองหลังสิ้นสุดสงครามครั้งแรกกับชาวโรมัน แม้ว่าพวกเขายังคงมีพลเมืองของตนเองเป็นแม่ทัพอยู่ก็ตาม

หลังจากขุนศึกเอปามินอนดาส (ผู้บัญาการกองทัพรัฐธีบส์) เสียชีวิต ชาวธีบส์ (ในสมัยกรีกโบราณ) ได้แต่งตั้งฟิลิปแห่งมาซิโดเนียเป็นผู้บัญชาการกองกำลัง และหลังจากได้รับชัยชนะ ฟิลิปแห่งมาซิโดเนียก็ริบอิสรภาพของชาวธีบส์ ส่วนชาวมิลาน หลังจากดยุคฟิลิปเสียชีวิต ได้ว่าจ้างฟรานเชสโก สฟอร์ซาให้ไปต่อสู้กับชาวเวนิส ซึ่งหลังจากเอาชนะศัตรูที่คาราวัจโจได้แล้ว สฟอร์ซาก็ได้ร่วมมือกับชาวเวนิสเพื่อกดขี่ชาวมิลานผู้เป็นนายจ้างของเขา บิดาของสฟอร์ซาผู้นี้เป็นทหารรับใช้พระราชินีโจวันนาแห่งเนเปิลส์ แต่จู่ๆ ก็ทิ้งพระราชินีไปโดยไม่ไม่ได้ปกป้องพระนาง ทำให้พระราชินีต้องไปขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์แห่งอารากอนเพื่อไม่ให้เสียราชอาณาจักร และหากในอดีตชาวเวนิสและชาวฟลอเรนซ์ได้ขยายอาณาเขตของตนด้วยกำลังทหารเช่นนั้น และแม่ทัพของพวกเขาไม่ได้ตั้งตนเป็นเจ้าผู้ปกครองแต่ได้ปกป้องอาณาจักรของตน ข้าพเจ้าขอตอบว่า ในกรณีนี้ชาวฟลอเรนซ์ถือว่าโชคดี เพราะในบรรดาผู้นำที่มีความสามารถซึ่งพวกเขาอาจหวาดกลัวนั้น บางคนก็ไม่สามารถพิชิตได้ บางคนก็พบกับการต่อต้าน และบางคนก็มุ่งไปสู่เป้าหมายอื่น

ผู้ที่ไม่ได้รับชัยชนะคือเซอร์จอห์น ฮอว์กวูด (ทหารรับจ้างชาวอังกฤษที่มาทำงานในอิตาลี) ซึ่งไม่อาจรู้ได้ว่าความภักดีของเขาแท้จริงแค่ไหนเพราะเขาไม่ได้รับชัยชนะ แต่ทุกคนจะยอมรับว่า หากเขาได้รับชัยชนะ ชาวฟลอเรนซ์คงจะไม่ปรานีเขา สฟอร์ซาต้องเผชิญหน้ากับพวกบรัชเชสกีอยู่เสมอ พวกเขามีความเป็นศัตรูกันตลอดเวลา ฟรานเชสโกมุ่งเป้าไปที่ลอมบาร์ดี ส่วนบรัชชิโอมุ่งเป้าไปที่ศาสนจักรและราชอาณาจักรเนเปิลส์ แต่ลองมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ชาวฟลอเรนซ์แต่งตั้งเปาโล วิเตลลีเป็นผู้นำกองทัพของพวกเขา ชายผู้มีวิจารณญาณสูงส่ง ผู้ซึ่งก้าวขึ้นจากฐานะสามัญชนสู่ความมีชื่อเสียงอันสูงส่ง หากเขาเข้ายึดปิซาได้ ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าการรักษาความเป็นมิตรกับเขานั้นสำคัญอย่างยิ่งสำหรับชาวฟลอเรนซ์ เพราะหากเขากลายเป็นทหารของศัตรู พวกเขาจะไม่มีทางต่อต้านเขาได้ และเพื่อที่จะรักษาเขาไว้ พวกเขาจะต้องเชื่อฟังเขา

สำหรับชาวเวนิส หากพิจารณาถึงความก้าวหน้าของพวกเขา จะเห็นได้ว่าพวกเขาดำเนินการอย่างมั่นคงและรุ่งโรจน์ตราบใดที่พวกเขายังทำสงครามด้วยกองกำลังของตนเอง ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มการรุกรานทางบก พวกเขาต่อสู้อย่างกล้าหาญด้วยเจ้าหน้าที่และประชาชนติดอาวุธของตนเอง แต่เมื่อพวกเขาเริ่มทำสงครามทางทะเล พวกเขากลับละทิ้งข้อดีในแง่นี้และเริ่มปฏิบัติตามธรรมเนียมของชาวอิตาลี (นั่นคือว่าจ้างทหารรับจ้าง) และในช่วงเริ่มต้นของการพิชิตดินแดน พวกเขาไม่ต้องกลัวแม่ทัพของตนมากนัก เนื่องจากดินแดนที่ครอบครองไม่มากนัก และชื่อเสียงของพวกเขาก็ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อดินแดนของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับในสมัยของคาร์มาโญลา (ทหารรับจ้างจากเมืองตูรินที่มาทำงานให้เวนิซ) พวกเขาก็ได้เห็นตัวอย่างของความผิดพลาดของตนเอง เพราะเมื่อเห็นว่าคาร์มาโญลาแข็งแกร่งมากหลังจากที่เอาชนะดยุคแห่งมิลานได้ และในทางกลับกันก็รู้ว่าคาร์มาโญลาไม่กล้าหาญในการทำสงคราม พวกเวนิสจึงคิดว่าพวกเขาจะไม่ทำการพิชิตดินแดนใดๆ อีกต่อไปโดยอาศัยคาร์มาโญลา แต่พวกเวนิสก็ไม่อาจจะปลดและยังไม่สามารถปลดเขาจากงานได้ เพราะกลัวว่าจะสูญเสียสิ่งที่พวกเขาได้มา (จากการใช้งานทหารรับจ้าง)"

นี่คือส่วนหนึ่งของ "บทที่ 12 ประเภทต่างๆ ของกองกำลังอาสาสมัครและทหารรับจ้าง" ในหนังสือเรื่อง "เจ้า" ของนิคโคลอ มาคิอาเวลลี สำหรับตัวอย่างสุดท้ายที่ยกมากรกณีของคาร์มาโญลาที่เป็นทหารรับจ้างของเวนิสนั้น มีตัวอย่างที่ชัดเจนของความไว้ใจไม่ได้ต่อทหารรับจ้างก็คือ ขณะที่คาร์มาโญลาถูกว่าจ้างให้ไปทำการรบในสมรภูมิต่างๆ นั้นแม้ว่าสาธารณรัฐเวนิสต้องการให้มีปฏิบัติการที่รวดเร็วและเด็ดขาด แต่การจบสงครามให้รวดเร็วนั้นขัดต่อผลประโยชน์ของคาร์มาโญลาและทหารรับจ้างคนอื่นๆ เพราะพวกเขาต้องการทำให้ปฏิบัติการยืดเยื้อให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้ได้เงินว่าจ้างมากที่สุด ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปฏิบัติการที่เด็ดขาด การรทำสงครามจึงยืดเยื้ออย่างไม่มีที่สิ้นสุด บางการรบได้รับชัยชนะ บางการรบพ่ายแพ้ นอกจากนี้ การหยุดยิงและการทำสนธิสัญญาสันติภาพเกิดก็ไม่มีผลลัพธ์ที่แน่นอนและมักถูกละเมิด ทั้งนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของทหารรับจ้าง

ผลก็คือ ในวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 1432 คาร์มาโญลาถูกเรียกตัวไปยังเวนิสเพื่อหารือเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารในอนาคต โดยเขาไม่ได้สงสัยว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น  เมื่อมาถึงพระราชวังดยุค เขาถูกจับกุม คุมขัง และนำตัวขึ้นศาลในข้อหากบฏต่อสาธารณรัฐ และถูกตัดสินประหารชีวิตและถูกตัดศีรษะในวันที่ 5 พฤษภาคมปีเดียวกัน 

โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better

Photo - ภาพวิดีโอนี้ตัดมาจากคลิปวิดีโอที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2023 ในบัญชี Telegram ของฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัท Concord ซึ่งเป็นบริษัทที่เชื่อมโยงกับหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้าง Wagner ของรัสเซีย เยฟเกนี ปริโกชิน แสดงให้เห็นเยฟเกนี ปริโกชินกำลังพูดคุยกับนักรบของเขาในเมืองบาคห์มุต หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้าง Wagner ของรัสเซียกล่าวเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2023 ว่ากองกำลังของเขาได้เริ่มถ่ายโอนตำแหน่งในเมืองบาคห์มุต เมืองสำคัญทางตะวันออกของยูเครน ให้กับกองทัพรัสเซียแล้ว (ภาพโดย Handout / TELEGRAM/ @concordgroup_official / AFP)  

 

TAGS: #ทหารรับจ้าง #กัมพูชา