"ได้พบพระมัญชุศรีแล้วยังไม่รู้ตัวอีก" ตำนานท่าน 'ตู้ซุ่น'บูรพาจารย์สำนักหัวเหยียน

พระภิกษุฝ่าซุ่น (ชาตะ 557~ มรณะ 640) คนสมัยราชวงศ์ถังเป็นบุตรชายของตระกูลตู้ อำเภอว่านเหนียนในนครฉางอาน มีชื่อเดิมว่าตู้ซุ่น (杜順) จึงถือเป็นญาติผู้ใหญ่ในตระกูลของตู้หรูฮุ่ย (杜如晦) รัฐบุรุษสมัยราชวงศ์ถัง 

เมื่อครั้งยังเยาว์วัย ท่านตู้ซุ่นมักจะไปแสดงธรรมที่หลุมศพหลังบ้าน ผู้ฟังทุกคนก็เชื่อและเข้าถึงในรสพระธรม จึงเรียกสถานที่นั้นว่า “หลุมศพธรรมเทศนา” เมื่ออายุได้ 15 ปี ท่านช่วยพี่ชายนำทหารไปปราบพวกโจร เวลาอยู่ในกองทัพ ท่านตู้ซุ่นมักจะนำน้ำและฟืนไปแจกจ่ายให้ทุกคนใช้จนมีมากเกินพอ ทั้งยังมักนำเสื้อผ้าสกปรกในกองทัพไปซักให้สะอาดหมดด้วยโดยไม่บอกใคร เมื่อกองทัพเตรียมจะปราบพวกโจร แต่แล้วพวกโจรก็ล่าถอยไปอย่างไร้ร่องรอยโดยไม่คาดคิด ไม่แน่ว่านี่อาจเป็นเพราะบารมีของท่าน ผู้เป็นบุคคลที่ "ฟ้าส่งมา" เพื่อปราบทุกข์เข็ญด้วยธรรมะและมหากรุณา

เมื่ออายุได้ 18 ปี ท่านตู้ซุ่นได้บวชเป็นพระภิกษุภายใต้การชี้นำสั่งสอนของพระฌานาจารย์เจินแห่งวัดอินเซิ่ง เมื่อพระฌานาจารย์เจินปลงผมให้ แผ่นดินก็สั่นสะเทือนทันที มีภุมเทวดาปรากฏมาถือพานรองรับผมของท่านทรี่ถูกปลง ทุกคนที่ได้ประจักษษ์ต่างก็ประหลาดใจ

เมื่อท่านตู้ซุ่นเดินทางไปที่เมืองชิ่งโจว (ปัจจุบันคืออำเภชิ่งหยาง มณฑลกานซู่) เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา เจ้าภาพได้เชิญพระภิกษุ 300 รูปมาบิณฑบาต ทันใดนั้น คนยากจน 500 คนก็ตามมาขอรับทานด้วย ทำให้เจ้าภาพกังวลอย่างมากว่าทานที่แจกจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ ท่านตู้ซุ่นกล่าวว่า "ตราบใดที่ท่านมีจิตใจที่เสมอภาคต่อสรรพสัตว์ ไม่มีอะไรที่ท่านทำไม่ได้" ดังนั้น เจ้าภาพจึงทำตามคำแนะนำ เมื่อทำการแจกทานแก่คนยากจนแล้ว ปรากฏว่าคนยากจนทั้ง 500 คนก็กลายเป็นพระอรหันต์และเหาะเหินไปบนเมฆ

ครั้งหนึ่ง ท่านตู้ซุ่นกำลังเตรียมที่จะข้ามแม่น้ำเหลือง แต่แม่น้ำกลับท่วม ศิษย์ที่ติดตามท่านไปต่างก็ตกใจกลัวมาก แต่แล้วท่านตู้ซุ่นกลับเดินนำหน้าฝูงชนลุยน้ำลงไป ทันใดนั้นแม่น้ำเหลืองก็แยกออกเป็นสองส่วน คณะติดตามจึงเดินข้ามไปอย่างช้าๆ และในที่สุดก็ไปถึงอีกฝั่ง ครั้นแล้วแม่น้ำก็กลับคืนสู่สภาพเดิม 

อีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระเถระตู้ซุ่นกำลังรับเครื่องบูชา เจ้าภาพก็มาพร้อมกับลูกชายของเขาและขอพรเพื่อขจัดภัยพิบัติและยืดอายุ ท่านตู้ซุ่นพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วบอกว่า "ลูกของโยมเป๋นเจ้ากรรมนายเวรของโยม โยมควรจะขอขมากรรมกับเขาเสีย!" หลังจากรับเครื่องบูชาแล้ว ท่านตู้ซุ่นก็บอกให้เจ้าภาพพาลูกชายไปที่แม่น้ำ แล้วท่านตู้ซุ่นก็โยนเด็กลงไปในน้ำ เจ้าภาพและภรรยาต่างตกใจอย่างมาก ได้แต่ตบหน้าอกกระทืบเท้าร้องไห้เสียงดัง แต่ท่านตู้ซุ่นกล่าวว่า "ลูกชายของโยมยังมีชีวิตอยู่!" พระอาจารย์ชี้ไปที่เด็ก แล้วเด็กก็กลายเป็นผู้ใหญ่สูงหกศอกทันที ปรากฏตัวยืนอยู่บนคลื่นน้ำ และดุด่าเจ้าบ้านและภรรยาของเขาอย่างโกรธจัดว่า “ในอดีตชาติ เจ้าเอาทองและไหมของข้าไป แล้วผลักข้าลงไปในน้ำจนจมน้ำตาย ถ้าพระโพธิสัตว์ไม่ทรงระงับความเกลียดชังของข้า ข้าคงไม่มีวันให้อภัยเจ้าเลย” หลังจากได้ยินเช่นนี้ เจ้าบ้านและภรรยาของเขาจึงเงียบและเชื่อในบารมีพระอาจารย์อย่างเต็มเปี่ยม

เป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างยิ่งที่คนป่วยไม่ว่าจะมีอาการอะไรก็ตาม อาการจะหายขาดทันทีที่พระเถระตู้ซุ่นนั่งหันหน้าเข้าหาเขา

มีแม้แต่คนที่หูหนวกตั้งแต่แรกเกิดด้วยซ้ำ พระเถระตู้ซุ่นจึงเรียกเขามาสนทนาด้วยถ้อยคำเล็กน้อย ครั้นแล้วหูก็จะได้ยินเสียง บางคนเกิดมาเป็นใบ้และพูดไม่ได้ หลังจากที่พระเถระตู้ซุ่นพูดอะไรบางอย่างแล้วพวกเขาก็พูดได้

ยังมีคนสติไม่ดี เป็นต้น พระเถระตู้ซุ่นขอให้พาคนสติไม่ดีมาที่นี่เพื่อนั่งสมาธิต่อหน้าท่านหลังจากนั้นไม่นานคนนั้นๆ ก็หายจากการเป็นบ้า

พระเถระตู้ซุ่นไม่เคยใส่ใจกับการกระทำอันอัศจรรย์ของท่านเอง ท่านศึกษาอวตัมฺสกะสูตร และเรียนรู้สิ่งสำคัญของธรรมะ 

ชื่อเสียงของพระเถระตู้ซุ่นแพร่กระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง จนจักรพรรดิสุยเหวินตี้แห่งราชวงศ์สุยเคารพท่านอย่างมาก และออกคำสั่งให้จ่ายเงินนิตยภัติให้ท่านเป็นจำนวนมากทุกเดือน และเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อท่าน พระเจ้าสุยเหวินตี้มักจะนิมนต์ท่านไปที่พระราชวังด้วยความเคารพ โดยบอกว่าท่านจะนำโชคลาภมาสู่พระราชวัง บรรดาขุนนางในวังทั้งนางสนม พระญาติวงศ์ต่างเคารพท่านตู้ซุ่นราวกับกำลังถวายเครื่องบูชาแด่พระพุทธเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่

เมื่อพระเจ้าถังไท่จง (จักรพรรดิไท่จงแห่งราชวงศ์ถัง) ขึ้นครองบัลลังก์ วันหนึ่งพระองค์นิมนต์พระเถระตู้ซุ่นมาหาพระองค์ ตรัสว่า "พระอาจารย์! โยมเจอกับอากาศร้อนในฤดูร้อนจนไม่สบายมาก พระอาจารย์มีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ขอบเขตมาโดยตลอด โยมไม่รู้ว่าพระอาจารย์พอจะมีวิธีใดที่จะกำจัดอาการเจ็บป่วยของโยมได้หรือไม่?”

พระเถระตู้ซุ่นทูลตอบว่า “คนทั้งโลกรู้ถึงคุณธรรมอันสูงส่งของมหาบพิตรแล้ว เหตุใดจึงต้องกังวลถึงความเจ็บป่วยเพียงเท่านี้ ถ้าอยากจะหายเร็วๆ มหาบพิตรก็ต้องออกพระราชกฤษฎีกาและให้นิรโทษกรรมแก่ชาวโลก ด้วยบุญนี้มหาบพิตรจะทรงหายดีไปโดยธรรมชาติเอง”  

พระเจ้าถังไท่จงปฏิบัติตามคำสั่งของพระเถระและพระราชทานอภัยโทษให้คนทั้งประเทศ พระองค์ทรงสร้างประโยชน์แก่นักโทษมากมายและได้รับความรักจากประชาชน ตามที่คาดไว้ อาการป่วยของพระองค์ก็หายเป็นปกติ หลังจากที่พระเจ้าถังไท่จงทรงหายจากอาการประชวรแล้ว พระองค์จึงพระราชทานสมัญญานามแก่พระเถระตู้ซุ่นว่า "หัวใจจักรพรรดิ" (หรือ ตี้ซิน ดังนั้นผู้คนยุคหลังจึงมักเรียท่านว่า ตี้ซิน ตู้ซุ่น 帝心杜順) 

พระเถระตู้ซุ่นปฏิบัติธรรมด้วยการพิจารณาธรรมธาตุกรรมฐาน (法界觀門) และเชี่ยวชาญในการเผยแพร่ธรรมะจากพระสูตรชื่อพุทธาวตัมฺสกมหาไวปูลยสูตร 《大方廣佛華嚴經》 หรืออวตัมฺสกสูตร 《華嚴經》

พระเถระตู้ซุ่นได้เขียนตำราชื่อ "ห้าศาสนน์สมถวิปัสสนา" 《五教止觀》 เพื่ออธิบายประตู (หรือวิถีธรรม) แห่งสมาธิภาวนาว่าด้วยธรรมธาตุท่านได้บรรลุ ท่านยังเขียนตำรา "ประตูแห่งวิปัสสนาในธรรมธาตุ" 《法界觀門》 เพื่อสรุปความคิดในอวตัมฺสกะสูตร ออกเป็นสามมุมมอง ท่านยังเขียนตำราชื่อ "ทศทวารลักษณิกาวิปัสสนา" 《十門實相觀》 และ "คาถาว่าด้วยทัศนะอันแยกจากกันของนานานิกาย"  《會諸宗別見頌》นี่คือความสามารถอันปราดเปรื่องเรื่องปริยัติธรรมของท่าน

ในบรรดาลูกศิษย์ของท่าน คือพระเถระจื้อเหยี่ยน (智儼尊者) เป็นลูกศิษย์ที่มีความสามารถที่สุด ท่าจื้อเหยี่ยนนั้นเดิมมาจากเทียนสุ่ย (มณฑลกานซู่) เมื่ออายุ 12 ปี ท่านตู้ซุ่นได้มาที่บ้านของจื้อเหยี่ยนและจับศีรษะของเขาแล้วพูดกับพ่อแม่ของเขาว่า "นี่คือลูกศิษย์ของอาตมา โยมช่วยคืนเขาให้อาตมาได้ไหม?" พ่อแม่ของจื้อเหยี่ยนเชื่อว่าท่านตู้ซุ่นเป็นพระภิกษุที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาก็ตกลงด้วยความยินดี ท่านก็รับตัวไปแล้วสั่งให้ศิษย์คนโตของท่านเป็นผู้สอนจื้อเหยี่ยนโดยที่ท่านไม่ได้มาข้องแวะด้วย

ต่อมา จื้อเหยี่ยนได้ศึกษาอวตัมฺสกสูตรภายใต้การดูแลของพระเถระจื้อเจิ้งแห่งวัดจื้อเซียง ภายใต้การสนับสนุนของจักรพรรดิถังเกาจง ท่านอุทิศตนให้กับการศึกษาพระสูตรอวตัมสกะและ "มหายานสังครหะศาสตร์" 《攝大乘論》 ต่อมาท่านได้เขียนหนังสือเช่น "ค้นหาความหมายลึกลับของอวตัมฺสกสูตร" 《華嚴經搜玄記》 และ "อวตัมฺสกสูตรบทข่งมู่" 《華嚴經孔目章》 "ห้าสิบคำถามตอบว่าด้วยอวตัมฺสกสูตร" 《華嚴經五十要問答》 เป็นต้น ท่านได้นำทฤษฎีมาผนวกกับ "การพิจารณาธรรมในแดนธรรม" ของพระเถระตู่ซุ่น ซึ่งกลายมาเป็นโครงร่างของนิกายหัวเหยียนและวางรากฐานสำหรับการสืบทอดนิกายหัวเหยียน

ในที่สุดท่านจื้อเหยี่ยนก็ได้รับสืบทอดสังฆาฏิของพระเถระตู้ซุ่นและเป็นบูรพาจารย์รุ่นที่สามของนิกายหัวเหยียน (華嚴宗) หรือนิกายอวตัมฺสกะ  

วันหนึ่งลูกศิษย์อีกคนหนึ่งของท่านชื่อ จื้อชง (智冲) กล่าวคำอำลากับพระเถระตู้ซุ่นว่า "ท่านอาจารย์! ศิษย์อยากไปภูเขาอู่ไถ (หรืออู่ไถซาน) เพื่อสักการะพระมัญชุศรีมหาสัตว์!" (หมายถึงพระมัญชุศรีโพธิสัตว์) 

พระเถระตู้ซุ่นจึงส่งจดหมายปิดผนึกไปให้จื้อชงและพูดว่า "ศิษย์เรา! หากเธอเห็นพระมหาสัตว์ เธอสามารถเปิดจดหมายฉบับนี้แล้วอ่านได้ จำไว้!"
“ศิษย์เชื่อฟังคำสั่ง!”

เมื่อมาถึงภูเขาอู่ไถ ท่านจื้อชงก็เดินผ่านป่าลึกและหุบเขา ทิวทัศน์ตระหง่านอย่างที่จินตนาการไว้ บังเอิญเห็นชายชราคนหนึ่งบนภูเขา ชายชราพูดกับพระจื้อชงว่า "กระผมเห็นว่าท่านรีบร้อนและปฏิบัติธรรมหนักมากบนภูเขาลูกใหญ่ลูกนี้ ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือ"

“ท่านถามแล้ว ก็จะบอกตรงๆ ว่าอาตมาอยากเห็นพระมัญชุศรีมหาสัตว์ในภูเขาที่ลึกและโด่งดังแห่งนี้! แต่หลังจากมองไปรอบ ๆ แล้วอาตมาก็ไม่พบท่านเลย อาตมาไม่รู้ว่าพระมัญชุศรีมหาสัตว์อยู่ที่ไหน ถ้าท่านรู้โปรดบอกอาตมาด้วย!"

ชายชราตอบท่านจื้อชงอย่างสุภาพมากว่า "ท่านกำลังตามหาเขาอยู่นี่เอง! เท่าที่กระผมรู้ พระมัญชุศรีมหาสัตว์เคยไปนครฉางอานมาเป็นเวลานานเพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนา และเขายังคงไม่กลับมา! ท่านมาที่นี่เพื่อพบเขา กระผมเกรงว่ามันจะเสียเวลา”

จื้อชงจึงขอร้องเขา "ผู้เฒ่าผู้เมตตา! โปรดบอกอาตมาที อาตมาคิดว่าท่านต้องรู้ที่อยู่ของพระมัญชุศรีมหาสัตว์โปรดให้คำแนะนำแก่อาตมาด้วย อาตมาจะรู้สึกซาบซึ้งยิ่ง!"

“เอาล่ะ! เนื่องจากท่านมีความจริงใจ กระผมจะบอกท่านทันที พระมหาสัตว์ที่ท่านกำลังตามหาคือพระตู้ซุ่น!”

ทันทีที่จื้อชงหันกลับมา ชายชราก็หายตัวไป ในเวลานี้ ท่านจื้อชงจึงเปิดจดหมายลับและดู มีท่อนหนึ่งหลงเหลืออยู่ว่า

"ผู้พเนจรผู้โง่เขลาท่องเที่ยวไปในความลำบากมากมายในภูเขาอู่ไถ อันที่จริง มัญชุศรีก็อยู่ที่นี่ แล้วทำไมต้องถามอมิตาภะอีกล่ะ?

ปรากฎว่าชายชราบนภูเขาคือนิรมาณกายของพระอมิตาภพุทธเจ้า!

ท่านจื้อชงรีบกลับไปที่นครฉางอัน เมื่อถึงเวลานั้น พระเถระตู้ซุ่น ซึ่งเป็นนิรมาณกายของพระมัญชุศรีได้มรณภาพอย่างสงบแล้ว ตรงกับเดือน 5 ปีที่ 14 ของรัชสมัยเจินก้วน แห่งพระเจ้าถังไท่จง

ในการมรณภาพของท่านนั้นมีบันทึกไว้ว่า เมื่อเดือน 5 ปีที่ 14 ของรัชสมัยเจินก้วน แห่งพระเจ้าถังไท่จง (ค.ศ. 640) พระเถระตู้ซุ่นไม่มีอาการป่วยใดๆ และได้สอนธรรมะแก่ลูกศิษย์ที่วัดอี้ซานในเมืองยงโจว หลังจากที่ท่านพูดจบ ท่านก็ได้นั่งลงตามปกติ จากนั้นก็มรณภาพเมื่ออายุได้ 84 ปี หลังจากที่ท่านมรณภาพ มีการเก็บรักษาร่างของท่านไว้ 3 สัปดาห์ แต่รูปกายของท่านยังคงเหมือนเดิม บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวน

ป.ล.
ย้อนกลับเมื่อพระฌานาจารย์เจิน พระอุปัชฌาย์ของพระเถระตู้ซุ่นกำลังสร้างวัดอินเซิ่ง จู่ๆ ก็มีสุนัขตัวหนึ่งที่มีร่างกายสีเหลืองและเท้าสีขาวปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน มันเชื่องมากท่ามกลางผู้คน มันตรงเข้าไปในถ้ำและออกมาโดยมีโคลนอยู่ในปาก มันเดินไปเดินมาอย่างรวดเร็วและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อาหารของมันก็เป็นอาหารเจเหมือนกับอาหารของพระภิกษุ มันไม่กินอาหารหลังเพลง เหตุการณ์เหนือธรรมชาตินี้แพร่กระจายไปหลายพันลี้ และไปถึงหูของจักรพรรดิสุยเหวินตี้ พระองค์ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเรื่องนี้และสั่งให้แจกข้าวสารสามเซิง (1 เซิงเท่ากับ 1 ลิตร) ทุกวันให้กับมัน เมื่อสร้างวัดอินเซิ่งเสร็จแล้ว สุนัขก็ตายด้วยสาเหตุธรรมชาติ นี่คือปาฏิหาริย์ในการก่อสร้างวัดอินเซิง และพระเถระตู้ซุ่นก็ได้เห็นด้วยตนเอง

บทความโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better

ข้อมูลได้ทำการแปลและเรียบเรียงจาก 

  • 1. 華嚴宗初祖─法順大師
  • 2. 《文殊大士靈應錄》二十六、當面錯過-法順

Photo - พระโพธิสัตว์มัญชุศรี ศิลปะจีน ราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368–1644) ระบุว่าทำในรัชสมัยหย่งเล่อ (ค.ศ. 1403–1424) อยู่ที่  The Metropolitan Museum of Art

TAGS: #พุทธศาสนา #มหายาน #มัญชุศรี #อวตัมสก