เมื่อ'นักประวัติศาสตร์โลกใต้ดิน'อาจจะกลายเป็นประธานาธิบดีโปแลนด์คนต่อไป

เมื่อ'นักประวัติศาสตร์โลกใต้ดิน'อาจจะกลายเป็นประธานาธิบดีโปแลนด์คนต่อไป

คารอล นาวรอซกี (Karol Nawrocki) นักประวัติศาสตร์ชาตินิยมที่สนใจโลกใต้ดิน กลายเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโปแลนด์ในรอบตัดเชือก โดยจะเข้าชิงตำแหน่งกับ ราฟาล ทราสคาวสกี (Rafal Trzaskowski) นายกเทศมนตรีวอร์ซอที่สนับสนุนสหภาพยุโรป หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีโปแลนด์รอบแรกในวันอาทิตย์ และเข้าสู่สู่รอบที่สองในวันที่ 1 มิถุนายน

ในทางการเมืองนั้น พรรคกฎหมายและความยุติธรรม (PiS) ซึ่งเคยมีอำนาจในฐานะรัฐบาลมาระหว่างปี 2015 ถึง 2023 ให้การสนับสนุนนาวรอซกี 

พรรคนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีอันเดรจย์ ดูดา ซึ่งกำลังพ้นจากตำแหน่ง และสนับสนุนนาวรอซกี และเป็นคู่แข่งกับกลุ่มพันธมิตรทางการเมืองที่ครองอำนาจมาอย่างยาวนาน

สโลแกนหาเสียงของนาวรอซกี คือ "โปแลนด์มาก่อน โปแลนด์มาก่อน"

แม้ว่าเขาจะให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนยูเครนซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านต่อไปเพื่อต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย แต่เขากลับประณามสิทธิประโยชน์ที่มอบให้กับผู้ลี้ภัยชาวยูเครน

ในเดือนมกราคม เขากล่าวว่าโปแลนด์ "ไม่สามารถจ่ายเงินเพื่อมาตรการที่กระทบต่อเศรษฐกิจ เกษตรกรรม และกระเป๋าสตางค์ของโปแลนด์ได้"

ในวิดีโอหาเสียงเมื่อเดือนเมษายน นาวรอซกีกล่าวว่า "สวัสดิการสังคมจะสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับโปแลนด์" และว่า "พลเมืองโปแลนด์ต้องได้รับความสำคัญก่อนในการรอคิวพบแพทย์และคลินิก"

นอกจากนี้ ในเดือนพฤษภาคม นาวรอซกียังอ้างอีกว่ายูเครน "ไม่ได้แสดงความขอบคุณต่อสิ่งที่ชาวโปแลนด์ได้ทำ" ให้กับประเทศ และกล่าวหาว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี "ไร้ยางอาย"

นาวรอซกี ผู้ชื่นชมทรัมป์
นาวรอซกีเป็นผู้ชื่นชมประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ และกล่าวว่าโปแลนด์ควรเน้นที่การกำหนดและเป็นผู้นำความสัมพันธ์ของยุโรปกับผู้นำสหรัฐฯ

นาวรอซกีได้พบกับทรัมป์ที่ทำเนียบขาวสองสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง และอ้างว่าทรัมป์บอกเขาว่า "คุณจะชนะ"

สมาชิกรัฐสภาบางคนจากรัฐบาลผสมของโปแลนด์กล่าวหาทรัมป์ว่าแทรกแซงการเลือกตั้ง

นาวรอซกี เรียกร้องให้ควบคุมชายแดนกับเยอรมนีเพื่อกีดกันผู้อพยพ และต้องการให้รัฐบาลเบอร์ลินจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามแก่โปแลนด์ที่ติดค้างกันมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

ในช่วงท้ายของแคมเปญ นาวรอซกีเผชิญกับเรื่องอื้อฉาว หลังจากมีการแฉเรื่องภาษีทรัพย์สิน เขาอ้างว่าเป็นเจ้าของแฟลตเพียงแห่งเดียว ต่อมามีการเปิดเผยว่าเขาได้ซื้อแฟลตแห่งที่สองในข้อตกลงที่ซับซ้อนกับชายชราคนหนึ่ง

แต่ที่น่าสนใจก็คือ เบื้องหลังของเขาในฐานะ "นักประวัติศาสตร์" โดยนาวรอซกีเกิดในเมืองท่ากดัญสก์ อันเป็นเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ เขาเล่นฟุตบอลและชกมวยในวัยหนุ่ม และได้ศึกษาต่อจนได้รับปริญญาเอกด้านประวัติศาสตร์และปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจ

เขาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่2 ในเมืองกดัญสก์ตั้งแต่ปี 2017 ถึง 2021

ตั้งแต่ปี 2021 เขาดำรงตำแหน่งผู้นำสถาบันอนุสรณ์แห่งชาติ (IPN) เพื่อสืบสวนอาชญากรรมของนาซีและยุคคอมมิวนิสต์

ความสนใจในการวิจัยของเขา ได้แก่ ฝ่ายค้านต่อต้านคอมมิวนิสต์ของโปแลนด์ อาชญากรรมที่ก่อขึ้นอย่างเป็นระบบในยุคคอมมิวนิสต์ และประวัติศาสตร์กีฬา

เมื่อปีที่แล้ว รัสเซียได้เพิ่มชื่อของนาวรอซกีเข้าไปในรายชื่อผู้ต้องสงสัยเนื่องจากเขาพยายามทำลายอนุสรณ์สถานสมัยโซเวียตในโปแลนด์

เขามีตัวตนสองบุคลิก
นาวรอซกีเขียนหนังสือหลายเล่ม รวมถึงเล่มหนึ่งที่ใช้นามปากกาซึ่งทำให้เขาต้องประสบกับเรื่องอื้อฉาวที่ไม่ธรรมดา

ในปี 2018 เขาได้ตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับนักเลงที่ชื่อ นิโคเดม สโกตาซซัก (Nikodem Skotarczak)  ในยุคที่คอมมิวนิสต์ปกครองโปแลนด์ โดยเขาเขียนหนังสือเล่มนี้อย่างลับๆ โดยใช้ชื่อเล่นว่า ทาเดยูสช์ บาตือร์ (Tadeusz Batyr)

ในปีเดียวกันนั้น นาวรอซกีในนามปากกา "บาตือร์" ได้ออกรายการโทรทัศน์ของรัฐและได้เบลอหน้าและเปลี่ยนเสียงโดยอ้างว่า "นาวรอซกี" เป็นแรงบันดาลใจให้กับผลงานของเขา (อย่าลืมว่าทั้งสองคนนี้เป็นคนเดียวกัน)

ส่วน  "นาวรอซกี" เขียนบนโซเชียลมีเดียว่า "บาตือร์" ได้ติดต่อเขาเพื่อขอคำแนะนำ โดยเสริมว่า "เขาขอบคุณผมด้วยหนังสือที่น่าสนใจเล่มหนึ่ง ซึ่งผมขอแนะนำ"

แต่สื่อท้องถิ่นเพิ่งเปิดเผยว่า "บาตือร์" และ "นาวรอซกี" เป็นคนๆ เดียวกัน

ผู้ใช้ TikTok คนหนึ่งกล่าวเสียดสีว่า "บางทีพวกเขาสองคนอาจจะใช้ชื่อ "บาตือร์" แทน "นาวรอซกี" ในการเลือกตั้งรอบสอง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ฝ่ายหนึ่งก็สนับสนุนอีกฝ่ายหนึ่ง นั่นคือการโหวตสองเสียงแล้ว"

นักการเมืองจากฝ่ายที่ขัดแย้งกันกับนาวรอซกี ต่างก็รู้สึกสนุกสนานไปกับการเปิดเผยเรื้ออื้อฉาวนี้

นาวรอซกียังถูกกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับนักเลงอันธพาลและนีโอนาซีอีกด้วย

แต่เขาปฏิเสธกล่าวหาดังกล่าวโดยอ้างว่าเป็น "การบงการขั้นลึก" (จากฝ่ายตรงกันข้ามของเขา) โดยระบุว่าการติดต่อของเขากับบุคคลดังกล่าวมีจำกัดอยู่เพียงเพื่อวัตถุประสงค์ทางอาชีพเท่านั้น

"ไม่มีใครเคยได้ยินคำพูดดีๆ เกี่ยวกับลัทธิฟาสซิสต์จากผมเลย" นาวรอซกีกล่าว

นาวรอซกีพูดภาษาอังกฤษได้ และเล่นหมากรุกในเวลาว่าง

เขามีลูกสองคนและลูกเลี้ยงวัยผู้ใหญ่หนึ่งคนกับมาร์ตา ภรรยาของเขา (รายงานโดย Agence France-Presse) 

แนวคิดทางการเมืองและประวัติศาสตร์
นาวรอซกีถือเป็นผู้ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่มีทัศนคติอนุรักษ์นิยม นาวรอซกีบรรยายตัวเองว่าเป็น "ตัวแทนของฝ่ายรักชาติที่มีขอบเขตกว้าง" และเน้นย้ำว่าเขาไม่เคยสังกัดพรรคการเมืองใด เขาถือว่าตัวเองเป็น "ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่เป็นพลเมือง" ที่จะยุติ "สงครามโปแลนด์-โปแลนด์" (หมายถึงความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ) 

เขาบอกว่าประเด็นทางประวัติศาสตร์และความรับผิดชอบต่อสังคม คือ  "เส้นตาย" ของเขา และประกาศว่าเขาพร้อมที่จะสนับสนุน "รัฐบาลโปแลนด์ใดๆ ที่เรียกร้องให้ขุดคุ้ยเหยื่อชาวโปแลนด์ขึ้นมาที่โวลฮิเนีย" (หมายถึงการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นในโปแลนด์ที่ถูกยึดครองโดยกองทัพกบฏยูเครน (UPA) ด้วยการสนับสนุนจากประชากรยูเครนในพื้นที่บางส่วน ต่อต้านชนกลุ่มน้อยโปแลนด์ในโวลิน กาลิเซียตะวันออก บางส่วนของโปแลนด์ และภูมิภาคลูบลิน ตั้งแต่ปี 1943  ถึง 1945 การกระทำของ UPA ส่งผลให้ชาวโปแลนด์เสียชีวิตมากถึง 100,000 ราย)

นาวรอซกีเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเขาที่มีต่อความรักชาติของโปแลนด์ ค่านิยมคริสเตียน และอำนาจอธิปไตยของชาติ และประกาศถึงความจำเป็นในการปกป้องค่านิยมทางสังคมแบบดั้งเดิม เขาระบุถึงการคัดค้านอย่างแข็งกร้าวต่อการนำไม้กางเขนออกจากอาคารของรัฐ (เพื่อเปนการแยกศาสนาออกจากรัฐ) เขามีทัศนคติต่อต้านคอมมิวนิสต์ และวิพากษ์วิจารณ์ระบบการศึกษาของโปแลนด์ โดยอ้างว่าการศึกษาของโปแลนด์ถูกควบคุมโดย "สภาพแวดล้อมของหลังยุคพรรคคอมมิวนิสต์ (ที่ยังมีอิทธิพลคอมมิวนิสต์)" เขาเป็นผู้รับผิดชอบในการถอนทำลายอนุสรณ์สถานกองทัพแดง (กองทัพสหภาพโซเวียต/รัสเซีย)หลายแห่งในโปแลนด์ออกไป ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดทางอาญาโดยรัสเซีย  

โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better

Photo - คารอล นาวรอซกี พร้อมด้วยภรรยา โบกมือทักทายผู้สนับสนุน ขณะที่ผลการเลือกตั้งเบื้องต้นหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะประกาศที่เมืองกดัญสก์ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2025 (ภาพถ่ายโดย MATEUSZ SLODKOWSKI / AFP)

TAGS: #โปแลนด์ #ชาตินิยม #ประวัติศาสตร์