ข้อมูลเบื้องหลัง
- แม้ว่าในญี่ปุ่นจะไม่มีกฎหมายที่เข้มงวดที่ห้ามคู่สมรสทำงานในบริษัทเดียวกัน แต่ก็มีความเข้าใจและแนวปฏิบัติทางวัฒนธรรมในสถานที่ทำงานหลายแห่งที่บริษัทอาจลังเลที่จะจ้างคู่สมรสเนื่องจากอาจเกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์หรือกังวลเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติ ซึ่งนำไปสู่สถานการณ์ที่คู่สมรสอาจไม่ได้รับการจ้างงานในสถานที่เดียวกัน อีกทั้งยังมีธรรมเนียมที่หากฝ่ายชายและฝ่ายหญิงในที่ทำงานเดียวกันแต่งงานกัน ฝ่ายชายจะทำงานที่เดิมต่อไป ส่สนฝ่ายหญิงจะออกจากงานเพื่อปฏิบัติหน้าที่เป็นแม่บ้าน แต่เนื่องจากจำนวนคู่สามีภรรยาที่ต้องการมีรายได้ทั้ง 2 ทางมีเพิ่มมากขึ้นในญี่ปุ่น บริษัทบางแห่งจึงเปิดกว้างในการจ้างคู่สามีภรรยามากขึ้น กระนั้นก็ตาม บริษัทหลายแห่ง โดยเฉพาะบริษัทแบบดั้งเดิม อาจมีนโยบายภายในหรือกฎเกณฑ์ที่ไม่ได้เขียนไว้ เพื่อไม่ให้มีการจ้างคู่สมรสในแผนกเดียวกันหรือมีความรับผิดชอบที่ซ้ำซ้อนกัน
จากการรายงานของ AFP ศาลญี่ปุ่นเปิดเผยวันนี้ว่า คู่รักคู่หนึ่งทำงานในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นได้ฟ้องสถาบันที่ทั้งสองทำงานอยู่ เนื่องจากสถาบันแห่งนี้อนุญาตให้เฉพาะสามีเท่านั้นที่สามารถดำรงตำแหน่งทางวิชาการได้หลังจากแต่งงานแล้ว แต่ภรรยาที่ทำงานที่เดียวกันจะต้องลาออกไป
แม้ว่าญี่ปุ่นจะมีประชากรหญิงที่มีการศึกษาสูง แต่จากรายงาน Global Gender Gap ของฟอรัมเศรษฐกิจโลกประจำปี 2024 ระบุว่าญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 118 จากทั้งหมด 146 ประเทศ และผู้นำหญิงยังคงมีจำนวนน้อยในแวดวงธุรกิจและการเมืองของญี่ปุ่น
หนังสือพิมพ์อาซาฮีชิมบุนและสื่อท้องถิ่นอื่นๆ ระบุเมื่อวันพุธว่า สามีซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านกฎหมายได้แจ้งต่อคณบดีของมหาวิทยาลัยมิยาซากิ ซังเกียวเคอิเออิ ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น หลังจากที่พวกเขาแต่งงานกันในเดือนกรกฎาคม
อย่างไรก็ตาม คณบดี "รู้สึกไม่สบายใจและบอกกับเขาว่าสัญญาจ้างงานของภรรยาของเขาจะถูกระงับในสิ้นเดือนมีนาคม" หนังสือพิมพ์อาซาฮีระบุ โดยอ้างทนายความของคู่รักที่ไม่เปิดเผยชื่อ
ทางมหาวิทยาลัยกล่าวว่ามีกฎเกณฑ์ที่ไม่ได้เขียนไว้ว่าคู่สมรสสองคนไม่ควรทำงานที่นั่นเพราะเป็นสถาบันขนาดเล็ก สถานีวิทยุและโทรทัศน์สาธารณะ NHK กล่าว
ศาลแขวงมิยาซากิยืนยันว่ามีการฟ้องร้องมหาวิทยาลัยและคณบดีเมื่อเดือนที่แล้ว
โฆษกของมหาวิทยาลัยกล่าวกับ AFP ว่าทั้งคู่ "ละเมิดกฎเกณฑ์อย่างร้ายแรง" แต่ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม โดยอ้างเหตุผลเรื่องความเป็นส่วนตัว
ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ยังตัดสินใจที่จะขหย่ากันและกันเพื่อพยายามรักษางานของแต่ละคนในคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไว้ด้วย ตามรายงานของสถานีวิทยุและโทรทัศน์ท้องถิ่น UMK
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายชายกลับถูกลดตำแหน่งเป็นรองศาสตราจารย์ ขณะที่ฝ่ายหญิงซึ่งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการจากรายงานของ UMK
"ฉันรู้สึกเหมือนถูกเรียกร้องให้เลือกระหว่างการแต่งงานและอาชีพ" หญิงคนดังกล่าวกล่าวในวิดีโอทางโทรทัศน์ที่ไม่ได้แสดงใบหน้าของเธอ
“ฉันเสียใจมากและโกรธแค้นมากที่มหาวิทยาลัยแห่งเดียวในภูมิภาคนี้ที่มีคณะนิติศาสตร์ และโฆษณาว่ามีการรับสมัครนักศึกษาหญิงและให้การสนับสนุนอาชีพของพวกเธอ กลับสามารถกีดกันครูผู้หญิงออกจากงานและความรู้สึกสมหวังในชีวิตได้อย่างไม่เป็นธรรม” เธอกล่าว
ทั้งคู่กำลังเรียกร้องให้สถาบันแต่งตั้งทั้งสองคนกลับมาดำรงตำแหน่งเดิมอีกครั้ง
Photo - ภาพประกอบข่าวไม่เกี่ยวกับเนื้อหา Photo by Richard A. Brooks / AFP