การประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ถ้ามองในแง่การเมืองภายในก็มีเหตุปัจจัยบางอย่างอยู่ แต่ถ้าจะประกาศกฎอัยการศึกเพื่อทำลายกระบวนการถอดประธานาธิบดีออกจากตำแหน่ง ยุน ซอกยอลก็แค่รอให้ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองถอดถอนจากตำแหน่งไปเสียดีกว่าจะเจ็บตัวน้อยกว่านี้
เพราะถ้า "การยึดอำนาจ" ล้มเหลว ไม่เพียงแค่จะถูกถอดถอน แต่จะถูกรัฐสภาดำเนินการเอาผิดในข้อหาล้มล้างการปกครองด้วย และล่าสุดสภาก็ประกาศแล้วว่าจะใช้ไม้นี้จริงๆ
ดังนั้น มันควรจะมีอะไรมากกว่าการรักษาอำนาจของตัวเอง
ในฐานะที่ผมจับตาการลุกลามของสงครามใหญ่ในหลายภูมิภาค (ที่เขาว่ากันว่าเป็นปฐมบทของสงครามโลกที่ 3) อดที่จะโยงไม่ได้ว่า "การยึดอำนาจ" ครั้งนี้น่าจะมีใบสั่งจากประเทศพี่ใหญ่
การที่ยุน ซอกยอล อ้างภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ เพื่อที่จะจัดการกับพรรคฝ่ายค้าน ไม่น่าจะเป็นการอ้างเพื่อสร้างคามชอบธรรมแบบลอยๆ แต่มันก็มีส่วนเป็นเหตุปัจจัยด้วย
เพราะคิม มินซอก สมาชิกอาวุโสของพรรคประชาธิปไตยเกาหลี (พรรคฝ่ายค้าน) ยืนยันว่าอาจมีการพยายามประกาศกฎอัยการศึกแม้กระทั่ง 3 วันก่อนที่ประธานาธิบดียุนจะประกาศกฎอัยการศึก โดยเขากล่าวว่า “อันที่จริง ผมคิดว่ารัฐบาลของยุน ซอกยอลกำลังดำเนินการประกาศกฎอัยการศึกผ่านสงครามยูเครน” และ “ผมคิดว่าวันดีเดย์น่าจะอยู่ราวๆ วันที่ 5 พฤศจิกายน ก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะได้รับเลือก” (อนึ่ง ทรัมป์ไม่สนับสนุนการเผชิญหน้าด้วยสงคราม)
นั่นหมายความว่าประธานาธิบดีเตรียมการเรื่องนี้มานานแล้ว ซึ่งแน่นนอนว่าไม่ใช่เรื่องที่คาดไม่ได้ (โปรดอ่านจากโพสต์ที่แล้วเรื่องกลุ่มชุงอัม ที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับการยึดอำนาจ) ฝ่ายค้านระแคะระคายมาอย่างน้อยก็ตั้งแต่เดือนสิงหาคม แต่จากปากคำของ คิม มินซอก ดูเหมือนว่าแผนประกาศกฎอัยการศึกจะมีไว้เพื่อรองรับปัญหาเกาหลีเหนือ ไม่ใช่แค่กำจัดฝ่ายค้าน
โปรดทราบว่า พรรคประชาธิปไตยเกาหลี เป็นแกนนำเสียงข้างมากในสภา เป็นพรรคฝ่ายนิยมนโยบาย Pro-Sunshine Policy หรือนโยบายรวมชาติเกาหลีด้วยวิธีการสันติ
และพรรคเสียงข้างมากในสภาพที่เป็นแกนหลักฝ่ายค้านทั้ง 3 พรรคสนับสนุน Pro-Sunshine Policy ทั้งหมด และเป็นพรรคฝ่ายซ้าย หรือซ้ายกลางทั้งหมด
ตรงกันข้ามกับพรรครัฐบาลของประธานาธิบดี คือพรคพลังประชาชน ที่เป็นพวกฝ่ายขวา และเป็นปรปักษ์กับเกาหลีเหนือ หรือ Anti-North
การที่ประธานาธิบดีจะอ้างเกาหลีเหนือเพื่อกำจัดฝ่ายค้านก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่ดูแล้วมันป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตนเกินไป
ตามคำกล่าวของคิม มินซอก สมาชิกอาวุโสของพรรคประชาธิปไตยเกาหลีทำให้ทราบว่าประธานาธิบดียุนกำลังเตรียมประกาศกฎอัยการศึกเพื่อตอบโต้การส่งทหารของเกาหลีเหนือไปทำสงครามยูเครน แต่แผนดังกล่าวถูกยกเลิกเมื่อมีการเปิดเผยว่า ฮัน คีโฮ สมาชิกรัฐสภาจากพรรคพลังประชาชนได้ส่งข้อความถึงชิน วอนซิก ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 24 ของเดือนที่แล้ว โดยแนะนำให้ทิ้งระเบิดทหารเกาหลีเหนือที่ส่งไปทำสงครามยูเครน และใช้ระเบิดดังกล่าวในการทำสงครามจิตวิทยากับเกาหลีเหนือ
หมายความว่าปัญหาเกาหลีเหนือคือแกนหลักของแผนการ "ยึดอำนาจ" เพียงแต่ "กลุ่มชุงอัม" และประธานาธิบดีปฏิบัติการไม่ดีพอ ทำให้การยึดอำนาจล้มเหลว และเอาเข้าจริงฝ่ายค้านก็ปรามาสแล้วว่า ใน "กลุ่มชุงอัม" มีนายพลแค่ 4 คน จากทั้งหมด 400 คน จะไปทำอะไรได้?
ถ้าการยำอำนาจครั้งนี้มีเหตุผลมาจากเกาหลีเหนือ อาจเป็นไปได้ที่มีคำสั่งมาจากประเทศข้างนอกที่ใหญ่กว่า หรืออย่างน้อยก็มีการอนุมัติจากรัฐบาลมหาอำนาจที่เป็นแบ็คอัพให้เกาหลีใต้
ผมเชื่อว่าสถานการณ์ในยูเครนมาถึงจุดที่เกาหลีใต้จะต้องแทรกแซงแล้ว เพราะการส่งทหารเกาหลีเหนือไปช่วยรัสเซีย เท่ากับเป็นส่วนต่อขยายของสงครามเกาหลี อย่างที่บอกไปว่าสงครามเกาหลียังไม่ยุติ เพียงแค่หยุดยิงเท่านั้น ทั้งฝ่ายเหนือและใต้ผลัดกันแลกมาโดยตลอด แต่คราวนี้ เกาหลีเหนือไปเกิดศึกที่ยูเครน (พันธมิตรตะวันตก) และเป็นการซ้อมรบในสนามจริงด้วย ในฐานะที่เป็นแนวร่วมตะวันตก เกาหลีใต้จะต้องทำอะไรสักอย่าง หากลูกพี่ไม่สั่งมาก็ต้องทำเอง
สิ่งที่จะต้องทำก่อน คือ พันธมิตรตะวันตกจะต้องสร้างอำนาจรัฐที่เป็นอำนาจนิยมมากขึ้น ถึงจะสามารถต่อกรกับฝ่าย "อักษะ" ได้ เพราะสภาพของโลกตะวันตกตอนนี้อ่อนปวกเปียกมากในแง่การเมือง แม้จะมีแสนยานุภาพที่เหนือกว่าแต่อำนาจการเมืองเบื้องหลังไร้น้ำยา ทั้งยังมีการคุกคามจากพวกทรัมป์ให้ยุติสงครามอีก การทำแบบนั้นจะยิ่งทำให้พันธมิตรตะวันตกตกเป็นรองในทันที
ในบรรดาพันธมิตรตะวันตกนั้น ไม่มีประเทศไหนที่จะสร้างระบอบอำนาจนิยมซ่อนรูปประชาธิปไตยได้เหมาะเท่ากับเกาหลีใต้อีกแล้ว และการยึดอำนาจที่ผ่านๆ ในในเกาหลีใต้ก่อนยุคประชาธิปไต ล้วนแต่ต้องผ่านการรับรองจากสหรัฐฯ ทั้งสิ้น
เพราะนี่คือประเทศที่จ่อคอหอยของเสือ (เกาหลีเหนือ รัสเซีย จีน) และมีกองกำลังอเมริกันประจำการมากถึง 60,000 นาย ถ้า "นาย" ไม่สั่ง จะเคลื่อนไหวอะไรแบบนี้ได้ยาก
การที่สหรัฐฯ มีปฏิกริยาก็จริง แต่สำหรับผมแล้วท่าทีดูเหมือน "เฉยๆ" กับเรื่องที่เกิดขึ้น (รวมถึงชาติตะวันตกทั้งหมด) น่าจะสะท้อนถึงเบื้องหลังที่เราอาจคาดไม่ถึงก็ได้
บทความโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - TOPSHOT - ผู้คนโบกธงชาติเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกาขณะเข้าร่วมการชุมนุมสนับสนุนประธานาธิบดียุน ซอกยอล ในกรุงโซล เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2024 ยุนต้องเผชิญกับการเรียกร้องให้ลาออกเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม หลังจากความพยายามบังคับใช้กฎอัยการศึกของเขาซึ่งกินเวลาไม่นานถูกสมาชิกรัฐสภาลงมติไม่เห็นด้วย และทำให้ผู้ประท้วงหลายพันคนออกมารวมตัวกันบนท้องถนน (ภาพโดย Anthony WALLACE / AFP)