เบื้องหลังสถานการณ์
ในเวลานี้เกมที่ถูกพูดถึงมากที่สุด คือ Black Myth: Wukong เกมเล่นตามบทบาทแอคชั่นที่พัฒนาและเผยแพร่โดย Game Science บริษัทเกมจากจีน โดยเกมดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจจากนิยายจีนคลาสสิกเรื่องไซอิ๋ว โดยมีตัวเอกคือ "หงอคง" หรือ "อู้คง" และเมื่อเกมวางจำหน่ายในช่วงกลางเดือนสิงาคม มีผู้เล่นพร้อมกันบน Steam มากถึง 2.2 ล้านคน ซึ่งสูงเป็นอันดับสองตลอดกาล และยังมีรายงานระบุว่าเกมดังกล่าวขายได้มากกว่า 4.5 ล้านยูนิตภายในสามวันหลังจากวางจำหน่าย
กรณีถกเถียงเรื่อง "ไม่โว้ก"
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุยายน Game Science ปฏิเสธที่จะรับคำแนะนำของบริษัท Sweet Baby Inc. เนื่องจาก Sweet Baby เรียกร้องเงินสูงถึง 7 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ หากการตกลงรับคำแนะนำจาก Sweet Baby ยังจะทำให้เกมสูญเสียอิสระในการสร้างสรรค์ เพราะต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ inclusivity หรือ การนำเสนอความหลากหลายทางเพศ เช่น มีตัวละครเพศอื่นๆ ให้เท่าเทียมกับจากเพศชาย นำเสนอความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนาเข้ามารวมไว้ในเกมส์ด้วย หรือที่เรียกกันว่า "แนวคิดโว้ก" (Wokeness) หรือ "วาระแห่งการตื่นรู้"
แต่เรื่องยังไม่จบแค่นี้ เพราะหลังจากขายเกมแล้ว Game Science ยังมีหนังสือเวียนไปถึงอินฟลูเอนเซอร์ว่า เวลารีวิวเกมอย่าพูดถึงโรึ covid-19 อย่าพูดเรื่องการเมือง ที่ยังไม่ควรพูดถึง "การโฆษณาชวนเชื่อของพวกสตรีนิยม" ซึ่งเป็นเรื่องโจมตีกลับพวกกลุ่มโว้กอย่างตรงไปตรงมา
การทำเกมยังต้องโว้กด้วย
อิทธิพลของ Sweet Baby ในวงการเกมมีมากมายจนเรียกได้ว่าแทบจะคาดไม่ถึง เพราะในยุคนี้หากไม่โว้ก ผลิตภัณฑ์ของบริษัทหนึ่งๆ ก็อาจถูกโจมตี หรือ "ถูกแคนเซิล" โดยกลุ่มคนที่นิยมความโว้กได้
การป้องกันไม่ให้ถูกแคนเซิลจึงเป็นานของ Sweet Baby Inc. พวกเขาเป็นสตูดิโอพัฒนาและให้คำปรึกษาด้านรื่องราวในวิดีโอเกม เพื่อส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และความครอบคลุมในเรื่องราวและสตูดิโอเกม ซึ่ง Sweet Baby เคยให้คำปรึกษาแก่นักพัฒนาและเกมหลายราย รวมถึง Sable, God of War Ragnarök และ Alan Wake 2
เป้าหมายของ Sweet Baby คือการทำให้แน่ใจว่าจะมีตัวละครจากกลุ่มประชากรที่แตกหลากหลายถูกใส่เข้ามาในเนื้อเรื่องชองเกมเท่านั้น แต่ยังต้องแสดงภาพลักษณ์ของคนเหล่านอย่างถูกต้องและเคารพในวัฒนธรรมของพวกเขาด้วย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ Sweet Baby จึงจัดให้มีการปรึกษาหารือกับตัวแทนของกลุ่มชาติพันธุ์และวัฒนธรรมต่างๆ เพื่อสร้างตัวละครจากวัฒนธรรมเดียวกันเหล่านี้
ตัวอย่างเช่น Sweet Baby ได้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเนื้อเรื่องและตัวละครใน God of War Ragnarök โดยมุ่งเน้นที่การสร้างตัวละครผิวดำ ที่ชื่อ Angrboda เพื่อให้ตัวละครตัวนี้เข้าถึงกลุ่มผู้เล่นผิวดำได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องทำให้เกมมีความแนบเนียนกับแกนเรื่องเพราะเป็นตำนานโบราณของชาวนอร์ส ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ผิวขาว
แต่คนเกลียดความโว้กในเกม
แม้ว่าการทำงานของ Sweet Baby จะพยายามมุ่งไปที่การสร้างความหลากหลาย แต่ผู้เล่นเกมจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่ามันเป็นการยัดเยียด และในสังคมปัจจุบันยังมองว่า "ความโว้ก" เป็นวาระการเมืองที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับ "อนุรักษ์นิยม"
มีรายงานว่าสมาชิกของแพลตฟอร์ม Steam ได้สร้างกลุ่ม "Sweet Baby Inc detected" ที่รวบรวมชื่อเกมที่ Sweet Baby กำหนดความโว้กเอาไว้ เพื่อกระตุ้นให้ผู้เล่นหลีกเลี่ยงเกมดังกล่าว เนื่องจากสตูดิโอกำลังส่งเสริม "ความโว้ก" ปรากฏว่า ในเดือนเมษายน กลุ่มนี้มีผู้ติดตามมากกว่า 355,000 คน
และเมื่อกลุ่มนี้ถูกรายงานโดยพนักงานของ Sweet Baby เพื่อให้ปิดมันลง สมาชิกของกลุ่มก็ยิ่งเดือดดาล เพราะเชื่อว่าเป็นความพยายามของ Sweet Baby ที่จะปิดปากพวกเขา ผลที่ตามมาคือ พนักงานของ Sweet Baby ต้องเผชิญกับการคุกคามและพยายามเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
ถูกมองว่าเอาเงินมาผูกกับโว้ก
มีข้อกล่าวหาจากชาวเน็ตว่า Sweet Baby ใช้ความโว้กเป็นเครื่องต่อรองกับบริษัทเกมต่างๆ ให้พวกเขามาใช้บริการกับตน ตัวอย่างเช่น มีโพสต์เก่าจาก Felix Kramer พนักงานของ Sweet Baby ที่บอกว่า "จ่ายเงินให้ฉันลบแนวคิดเกมที่มีตัวเอกเป็นชายผิวขาวของคุณซะ" และ "ฝันร้ายว่าฉันเป็นเกมเมอร์ชายผิวขาว"
การตั้งเป้า "ความเป็นชาย" หรือ "ชายแท้" รวมถึงการโจมตี "ชายผิวขาวเป็นใหญ่" เป้นแนวคิดของกลุ่มโว้กที่ชัดเจนที่สุดแนวคิดหนึ่ง การที่พนักงานของ Sweet Baby ออกมาบอกว่าให้จ่ายเงินกับเราเพื่อทำงานความเป็นชายแท้ (ผิวขาว) ของคุณยิ่งทำให้กลุ่มเกมเมอร์ที่เป็นชายแท้ๆ ไม่พอใจหนักขึ้น
แต่ความไม่พอใจหลักๆ อยู่การยัดเยียดแนวคิดโว้ก ซึ่งปัจจุบันถูกต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น อีลอน มัสก์ ที่ตอนนี้เป็นฝ่ายขวาเต็มตัวเแล้ว ยังเคยโพสต์เรื่องนี้บน X โดยตอบสนองต่อความเห็น แมตต์ วอลช์ นักเคลื่อนไหวฝ่ายขวาที่อ้างว่าวิดีโอเกมพยายาม "ปลูกฝังความคิดเด็กๆ หลายล้านคนผ่านความบันเทิง"
มัสก์เขียนว่า "วิดีโอเกมควรกำจัดความไว้กที่ไร้สาระนี้ซะ การถูกเลกเชอร์ด้วยโฆษณาชวนเชื่อที่น่าเบื่อ มันไม่ใช่เหตุผลที่ผู้คนเขามาเล่นเกมกัน!"
นี่คือเรื่องการเมืองหรือไม่?
เว็บไซต์ The Shortcut สรุปสั้นๆ ว่า Sweet Baby "ถูกกล่าวหาว่าทำให้เกมแย่ลงเพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ บรรลุเป้าหมาย ESG (Environmental, social, and governance หรือ สิ่งแวดล้อม สังคม การกำกับดูแล) และ DEI (Diversity, equity and inclusion หรือ ความหลากหลาย ความเท่าเทียม การมีส่วนร่วม)"
ทั้งนี้ ESG และ DEI กลายเป็นมาตรฐานของหลายบริษัทที่สร้างภาพลักษณืองค์กรว่ามีความรักสิ่งแวดล้อมและยอมรับความหลากหลายต่างๆ เช่น การกำหนดว่าบริษัช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่าไร และได้มีการจ้างผู้หญิงหรือกลุ่ม LGBT หรือคนพิการมากแค่ไหน
แต่ล่าสุด หลายบริษัทเลิกกำหนดเป้าหมาย DEI ไปแล้ว เพราะเห็นว่าสิ้นเปลืองงบประมาณ นอกจากนี้มาตรฐาน DEI ยังถูกโจมตีว่าเป็นวาระการเมืองแบบโว้กๆ ของพวกลิเบอรัล ซึ่งถูกตั้งแง่รังเกียจจากกลุ่มอนุรักษ์นิยม เช่น ในการเมืองสหรัฐฯ กลุ่มอนุรักษนิยมและชาตินิยมในขบวนการพรรครีพับลิกกัน ประกาศตัวเป็นศัตรูโดนตรงกับแนวคิด DEI หรือไม่เอาแนวคิดโว้กนั่นเอง
เช่น อีลอน มัสก์ ผู้สนับสนุนตัวยงของโดนัลด์ ทรัมป์ เขียนใน X ว่า “DEI เป็นเพียงคำอีกคำหนึ่งสำหรับการเหยียดเชื้อชาติ ใครก็ตามที่ใช้คำนี้ ถือเป็นเรื่องน่าละอาย”
ทีมข่าวต่างประเทศ The Better