อัยการสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องอดีตนักวิเคราะห์ของหน่วยงานข่าวกรองกลาง หรือ CIA และเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ในข้อหาที่เธอทำงานเป็นสายลับให้กับรัฐบาลเกาหลีใต้โดยแลกกับกระเป๋าถือสุดหรูของดีไซเนอร์ชื่อดัง รวมถึงอาหารมื้อเย็นราคาสูง และสินค้าฟุ่มเฟือยอื่นๆ
ตามคำฟ้องความยาว 31 หน้าที่ยื่นเมื่อวันจันทร์ที่ศาลรัฐบาลกลางในนิวยอร์ก เผยว่า ซู มิ เทอร์รี (Sue Mi Terry) ทำงานเป็นสายลับสองหน้าให้กับต่างประเทศ และเปิดเผยข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้
ข้อมูลตามคำฟ้องระบุว่า “ตามคำแนะสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้ เทอร์รีสนับสนุนจุดยืนด้านนโยบายของเกาหลีใต้ ... เปิดเผยข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะแก่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองเกาหลีใต้ และอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเกาหลีใต้ แก่เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ”
เพื่อเป็นการตอบแทนการทำงานของเธอ เจ้าหน้าที่ชาวเกาหลีใต้ที่ทำงานประสานกับเทอร์รี่ จึงมอบของหรูให้เป็นของกำนัล ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าถือ Louis Vuitton มูลค่า 3,450 ดอลลาร์ กระเป๋าถือ Bottega Veneta มูลค่า 2,950 ดอลลาร์ และเสื้อโค้ท Dolce & Gabbana มูลค่า 2,845 ดอลลาร์ และยังมีสินค้าอื่นๆ อีก
นอกจากนี้ เธอยังถูกพาไปที่ร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลิน "หลายแห่ง" และได้รับเงินจำนวน 37,000 ดอลลาร์ โดยมอบเป็รเงินแอบแฝงผ่านบริษัทที่ปรึกษาที่เธอทำงานอยู่
คำฟ้องดังกล่าวรวมถึงภาพถ่ายจากกล้องรักษาความปลอดภัยที่แสดงให้ว่าเทอร์รีพบกับเจ้าหน้าที่ชาวเกาหลีใต้ที่ประสานงานกับเธอในร้านค้าในกรุงวอชิงตัน เพื่อรับกระเป๋าถือสุดหรูเป็นของขวัญ
นอกจาก CIA แล้ว เทอร์รี ซึ่งเป็นนักวิชาการอาวุโสด้านเกาหลีศึกษาที่สภาความสัมพันธ์ต่างประเทศ (Council on Foreign Relations) ยังทำงานในสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวอีกด้วย
เทอร์รี ซึ่งถูกว่าจ้างโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2544 ถึงประมาณปี 2554 ถูกกล่าวหาว่าเริ่มทำงานให้กับเกาหลีใต้ในปี 2556 และทำงานต่อไปเป็นเวลาหนึ่งทศวรรษ แม้จะได้รับคำเตือนจากเจ้าหน้าที่ FBI ในปี 2557 ว่าหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้อาจพยายามเข้าหาเธอ
ลี โวโลสกี ทนายความของเธอ ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
“ข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่มีมูลความจริงและบิดเบือนงานของนักวิชาการและนักวิเคราะห์ข่าวซึ่งเป็นที่ทราบกันว่ามีความเป็นอิสระและการทำงานประจำสหรัฐฯ มานานหลายปี” โวโลสกี กล่าวในแถลงการณ์ที่อ้างโดยสื่อสหรัฐฯ
หน่วยข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้ (NIS) บอกกับสำนักข่าว AFP ว่า กำลังติดต่อกับทางการสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรของเกาหลีใต้ เกี่ยวกับคำฟ้องดังกล่าว
“หน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ กำลังติดต่อประสานกันอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับรายงานการฟ้องร้อง (เกี่ยวข้องกับ) กฎหมายว่าด้วยสายลับต่างประเทศ (Foreign Agents Registration Act)” NIS ระบุ
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับคดีนี้ กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้กล่าวกับ AFP ว่า "ไม่เหมาะสมที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่กระบวนการทางกฎหมายต่างประเทศยังดำเนินอยู่"
ตามคำฟ้อง เทอร์รี่เป็นพลเมืองสหรัฐฯ ที่ได้รับการแปลงสัญชาติ ซึ่งเธอเกิดในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ และเติบโตในรัฐเวอร์จิเนียและรัฐฮาวาย
Text by Agence France-Presse
Photo by Philippe LOPEZ / AFP