ในช่วงปีสองปีมานี้ มีปรากฏการณ์หนึ่งในภาคการเงินของจีน เรียกว่า 'ฝ่านเซี่ยงเถ่าซิน' (反向讨薪) หรือ 'การเรียกร้องเงินเดือนย้อนกลับ' นั่นคือ แทนที่พนักงานจะเรียกร้องเงินเดือนเพิ่มจากบริษัท บริษัทกลับเป็นฝ่ายเรียกร้องเงินเดือนของพนักงานคืนมาเสียอย่างนั้น
'การเรียกร้องเงินเดือนย้อนกลับ' โดยสรุปก็คือ "การขอคืนและการหักเงินเดือนตามผลงาน" สรุปสั้นๆ ก็คือ ถ้าหากพนักงานฝ่าฝืนกฎหรือข้อบังคับระหว่างการจ้างงาน หรือก่อให้เกิดความเสี่ยงในงาน บริษัทจะเรียกเงินเดือนที่จ่ายไปแล้ว และระงับการจ่ายเงินส่วนที่เหลือ ตามผลงานด้านลบที่พนักงานนั้นได้ทำไป
นอกจากนี้ ยังใช้วิธีการการตรวจสอบเงินเดือนของพนักงานย้อนหลังในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโดยธนาคาร หากธนาคารพบว่าเงินที่จ่ายไปแล้วมีความไม่สมเหตุสมผล ธนาคารจะเรียกเก็บเงินเดือนหรือโบนัสคืนมาจากพนักงาน
ปรากฏการร์นี้สะท้อนว่าภาคการเงินการธนาคารของจีนกำลังขัดสนเงินทองอย่างรุนแรง ถึงขนาดหาทางที่จะทวงคืนเงินเดือนและโบนัสจากพนักงานด้วยวิธีการต่างๆ และสะท้อนถึงการทรุดตัวอย่างหนักของภาคที่เคยทำเงินมากมาย แต่ตอนนี้กลับเงินขาดมือ
ตัวอย่างเช่น ตามรายงานของสื่อจีน คือ ตี้อีไฉจิง (第一财经) ธนาคารต่างๆ เป็นอุตสาหกรรมที่มีรายได้สูงในอดีต แต่ตอนนี้ ไม่เพียงแต่เห็นการเติบโตของเงินเดือนที่ลดลงเท่านั้น ปรากฏการณ์เรียกร้องค่าจ้างคืนยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากรายงานของสื่อจีนมีกรเก็บถิติที่ไม่สมบูรณ์ ในปี 2023 พบว่าธนาคาร 11 แห่ง รวมถึง Bank of China (中国银行), China Merchants Bank (招商银行) เป็นต้น ได้ประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับการขอคืนและการหักเงินตามผลงานในรายงานประจำปี โดยมียอดรวม 'เรียกคืนเงินเดือน' เกือบ 100 ล้านหยวน ในจำนวนนั้น China Merchants Bank มีจำนวน 'เรียกคืนเงินเดือน' สูงที่สุด โดยมีการขอคืนค่าจ้างตามผลงานรวม 43.29 ล้านหยวนในปี 2023 โดยมีพนักงาน 4,415 คนที่ถูกดำเนินการขอคืนและหักเงินตามผลงาน
ผู้เชี่ยวชาญในวงกการการเงินจีนคนหนึ่งซึ่งใช้นามแฝง เผยว่าการเก็บเงินเดือนแบบย้อนกลับของธนาคารเผยให้เห็นถึงปัญหาสถาบันที่ฝังลึกในอุตสาหกรรมการเงินในที่สุด จากการวิเคราะห์ในท้ายที่สุดแล้วเป็นปัญหาด้านการบริหารจัดการ เพราะเมื่อก่อนภาคการเงินการธนาคารมีเงินมาก แต่กลับไม่มีการประเมินประสิทธิภาพการทำงานเลย ซึ่งนำไปสู่ปรากฏการณ์การกระจายเงินแบบสุ่ม
ดังนั้น เมื่อถึงจุดที่ภาคการเงินการธนาคารประสบกับผลกระทบของเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ต้องหันมาใช้วิธีตรงกันข้าม คือการดึงเงินที่ให้พนักงานโดยไม่มีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนกลับคืนไป
นักวิเคราะห์รายนี้เชื่อว่า การเรียกร้องค่าจ้างแบบย้อนกลับอาจกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ เช่น พนักงานไม่พอใจอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความกระตือรือร้นในการทำงานของพวกเขา
ปรากฏการณ์นี้ ได้ดึงดูดความสนใจจากสาธารณชน มี ชาวเน็ตชาวจีนบางคนกล่าวว่า “ไม่ใช่แค่ธนาคารเท่านั้น การจ้างงานในทุกอุตสาหกรรมก็แย่ เงินเดือนในอุตสาหกรรมอื่นก็ลดลงด้วย แค่อยากถามว่าทำไมเงินเดือนถึงลงแต่ราคากลับสูงขึ้น ใครเป็นคนทำเงินได้จริงๆ กันแน่?”
ชาวเน็ตอีกรายหนึ่งกล่าวว่า "จริงๆ แล้วเริ่มตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็มีสาเหตุที่ทำให้ภาคการเงินการธนาคารพังทลายลงในปีนี้ กำลังซื้อของกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางลดลงมากจริงๆ"
จากการรายงานของสื่อภาษาจีนที่อยู่ภายนอกจีนบางแห่ง อ้างความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อว่าแนวทางปฏิบัติของธนาคารจีนที่แสวงหาการเก็บเงินเดือนแบบย้อนกลับ แสดงให้เห็นว่าในขณะที่เศรษฐกิจของจีนยังคงถดถอย อุตสาหกรรมการธนาคารก็กำลังเผชิญกับความยากลำบากเช่นกัน
Photo by AFP