ราชาคริปโทล้มแล้วล้มอีก แล้ว'ฉางเผิง จ้าว'มีวันนี้ พังเป็นโดมิโนจาก'โดควอน'ถึง'แบงค์แมน'
ฉางเผิง จ้าว (Changpeng Zhao) บอสใหญ่แห่งบริษัท Binance ได้กลายเป็นบุคคลผู้ทรงอำนาจที่สุดในวงการคริปโทเคอร์เรนซี่ที่ต้องพบกับจุดจบในช่วงสองปีที่วุ่นวายของวงการนี้ ถือเป็นการตกต่ำที่รุนแรงที่สุด แม้ว่าตามมาตรฐานแล้วอุตสาหกรรมคริปโทจะมีความผันผวนฉาวโฉ่เป็นทุนเดิมก็ตาม
จ้าว ก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอของ Binance ซึ่งเป็นบริษัทแลกเปลี่ยนคริปโทที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากที่เขาและบริษัทรับสารภาพเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หลังการกวาดล้างการละเมิดการฟอกเงินของสหรัฐฯ และเขาตกลงที่จะถูกปรับเป็นเงินมากกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์
และนี่คือผู้บริหารคริปโทที่มีชื่อเสียงที่สุดสามคนที่ฝ่าฝืนกฎหมายตั้งแต่ปีที่แล้ว
- ฉางเผิง หรือ 'CZ' จ้าว -
ตามประวัติของเขาใน Bloomberg Billionaires Index จ้าว เกิดที่จีนเมื่อปี 1977 และย้ายไปอยู่แคนาดาพร้อมครอบครัวในช่วงทศวรรษ 1980 และต่อมาได้รับปริญญาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยแมคกิล
เขาก่อตั้ง Binance ในปี 2017 ในเซี่ยงไฮ้ และนำการเติบโตอย่างรวดเร็วของบริษัท กลายเป็นบริษัทแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก
จ้าว ผู้มีชื่อเสียงที่พูดตรงไปตรงมาในโลกคริปโตที่มีผู้ติดตาม 8.7 ล้านคนบน X ทำให้ จ้าว กลายเป็นบุคคลที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในอุตสาหกรรมที่เพิ่งเกิดใหม่ ตามดัชนีของ Forbes ความมั่งคั่งสุทธิของเขาสูงถึงประมาณ 65,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2565
ด้วยชื่อเสียงและความมั่งคั่งทำให้มีการตรวจสอบการดำเนินงานของ Binance เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่บริษัทคริปโทที่มีชื่อเสียงทั่วโลกเริ่มตกอยู่ภายใต้กระแสการสืบสวนคดีอาญา
ทางการสหรัฐอเมริกากล่าวหา จ้าว และ Binance ว่ามีการละเมิดหลายครั้ง รวมถึงการจงใจอนุญาตให้ทำธุรกรรมกับกลุ่มติดอาวุธ เช่น กลุ่มรัฐอิสลาม และการทำธุรกรรมในดินแดนที่ถูกห้ามโดยทางการสหรัฐฯ เช่น เกาหลีเหนือ และอิหร่าน
เมื่อวันอังคารพวกเขาสารภาพรับผิด บริษัทตกลงที่จะรับโทษเกือบ 4,400 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่เขาจะจ่ายเงิน 50 ล้านดอลลาร์ ตามเอกสารของศาล
จ้าว ลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ Binance และแม้ว่าเขาจะยังคงถือหุ้นในบริษัท แต่เขาถูกห้ามไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท คาดว่าเขาจะถูกพิพากษาในภายหลัง
Forbes ระบุทรัพย์สินสุทธิของเขาอยู่ที่ 10.2 พันล้านดอลลาร์ ณ วันพุธ
- แซม แบงค์แมน-ฟรายด์ -
หาก จ้าว เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดและมีอำนาจมากที่สุดในวงการคริปโท แซม แบงค์แมน-ฟรายด์ (Sam Bankman-Fried) ก็เป็นคนที่โด่งดังที่สุดโดยไม่มีข้อกังขา
แบงค์แมน-ฟรายด์ เป็นลูกชายของอาจารย์มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สำเร็จการศึกษาจาก MIT สาขาฟิสิกส์
ในปี 2019 เขาได้ก่อตั้ง FTX ซึ่งพุ่งสูงขึ้นจนกลายเป็นบริษัทแลกเปลี่ยนคริปโทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
ในขณะเดียวกัย แบงค์แมน-ฟรายด์ ได้สร้างภาพลักษณ์ของเขาขึ้นมาในฐานะทูตอย่างไม่เป็นทางการของอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัล โดยปรากฏในสื่อดังๆ และแม้แต่ในรัฐสภาสหรัฐฯ
จนถึงจุดหนึ่งในปี 2022 เขามีความมั่งคั่งสุทธิ 24,000 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ Forbes
แต่เขากำลังเดินไปในเส้นทางที่อันตราย ทีมของเขาใช้เงินของลูกค้าไปกับทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่การซื้ออสังหาริมทรัพย์หรู ไปจนถึงการดำเนินการที่มีความเสี่ยงโดยบริษัทในเครือ Alameda Research
ทุกอย่างพังทลายลงเมื่อมีการเปิดเผยความเคลื่อนไหวเหล่านี้ในสื่อในเดือนพฤศจิกายน 2022 ภายในไม่กี่ชั่วโมง จ้าว ซึ่งเป็นคู่แข่งกล่าวว่า Binance จะขายโทเค็นของบริษัท FTX ทั้งหมดที่ถืออยู่
มันจุดชนวนการล่มสลายอันน่าตกตะลึงของอาณาจักรของ FTX และ แบงค์แมน-ฟรายด์ ชื่อเสียงของเขากลายเป็นเรื่องอื้อฉาว
เขาถูกจับกุมในบาฮามาสเมื่อเดือนมกราคม และถูกตัดสินว่ามีความผิดในเดือนนั้น อัยการสหรัฐฯ เรียกการกระทำของเขาว่า “เป็นหนึ่งในการฉ้อโกงทางการเงินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา” เขาต้องเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุด 110 ปี
ในระหว่างการพิจารณาคดี ชายหนุ่มวัย 31 ปียอมรับว่าทำ “เรื่องผิดพลาด” แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้พยายามฉ้อโกงใครเลย
- โด ควอน -
โด ควอน (Do Kwon) ผู้ประกอบการชาวเกาหลีใต้ร่วมก่อตั้ง Terraform Labs ในปี 2018 โดยพัฒนาสกุลเงินดิจิทัล TerraUSD และ Luna
เขาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และประสบความสำเร็จในการทำการตลาดให้ นักลงทุนเชื่อว่า TerraUSD และ Luna จะกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อไปในสกุลเงินดิจิทัล โดยดึงดูดการลงทุนนับพันล้านและสร้างกระแสฮือฮาไปทั่วโลก
รายงานของสื่อในเกาหลีใต้ถึงกับระบุว่าเขาเป็น "อัจฉริยะ"
แต่ในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว มูลค่าของสกุลเงินเหล่านี้ ซึ่งวางตลาดในชื่อ "stablecoins" ลดลง ส่งผลให้เงินลงทุนหายไปราว 40,000 ล้านดอลลาร์ และกลายเป็นคลื่นสึนามิที่กระทบไปยังส่วนอื่นๆ ของอุตสาหกรรม
ข้อมูลจากวงในอุตสาหกรรมคริปทบ่งชี้ว่า กรณีนี้ทำให้เกิดความสูญเสียมากกว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ในตลาดคริปโททั่วโลก
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า โด ควอน ซึ่งมีชื่อเต็มว่า ควอน โด-คยอง ทำการตลาดแบบแชร์ลูกโซ่ที่ดูมีระดับขึ่นมาหน่อยนั่นเอง
โด ควอน ซึ่งมักจะพูดจาหยาบคายและพูดตรงไปตรงมาบนโซเชียลมีเดีย หนีจากเกาหลีใต้ก่อนที่จะเกิดการล่มสลายของคริปโทที่เขาสร้างขึ้นมา และใช้เวลาหลายเดือนในการหลบหนี
เขาถูกจับกุมในมอนเตเนโกรในปีนี้ หลังจากถูกจับได้ว่าพยายามขึ้นเครื่องบินโดยใช้เอกสารเดินทางคอสตาริกาปลอม
เขาเผชิญข้อหาทางอาญาหลายคดีในสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้
(จาก The fallen kings of crypto/AFP)
(Photo by PATRICIA DE MELO MOREIRA / AFP)