ครม.ใหม่ต้นเดือนส.ค.รัฐบาลลุงตู่รักษาการยาว 4 เดือนครึ่ง

ครม.ใหม่ต้นเดือนส.ค.รัฐบาลลุงตู่รักษาการยาว 4 เดือนครึ่ง
"วิษณุ เครืองาม"แจงในครม.ตารางเวลา เกี่ยวกับการเลือกตั้งได้นายกฯใหม่ปลายเดือนก.ค. คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต้นเดือนส.ค

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่สภาผู้แทนราษฎร ชุดปัจจุบันจะครบวาระในวันที่ 23 มี.ค.66 ดังนั้นตามรัฐธรรมนูญ ระบุว่า หากสภาฯ ครบวาระ จะต้องกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วันนับตั้งแต่ครบวาระ แต่หากมีการยุบสภา กฎหมายระบุว่าต้องกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45-60 วันหลังจากที่ยุบสภา ซึ่งไม่ว่าจะมีการยุบสภา หรือสภาฯ ครบวาระ ก็คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนมี.ค.นี้

ส่วนการเลือกตั้งใหม่ คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือน พ.ค.66 หลังจากนั้น จะประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านการรับรองทั้ง 500 คน ได้ราวต้น ก.ค.66

จากนั้น จะเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเพื่อเปิดสภาผู้แทนราษฎร โดยมีการตั้งประธานสภาฯ คนใหม่ราวกลางเดือนก.ค.66

ส่วนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คาดว่าจะเป็นปลายเดือน ก.ค.66 และมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีใหม่ได้ในช่วงเดียวกัน

หลังจากมีนายกฯ คนใหม่แล้ว จะมีการตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และนำรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาถึงต้น ส.ค. ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการยุบสภา หรือสภาฯ ครบวาระก็แล้วแต่ ครม.ชุดปัจจุบันจะต้องรักษาการต่ออีก 4 เดือนครึ่งจนถึงต้น ส.ค.66

สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีรักษาการนั้น จะรักษาการไปจนถึงวันที่ ครม.ใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ ทั้งนี้ในเอกสารต่างๆ การใช้ตำแหน่งไม่จำเป็นต้องวงเล็บว่า (รักษาการ) โดยยังสามารถใช้ตามตำแหน่งเดิมได้อย่างปกติ ส่วนข้าราชการการเมือง ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้เช่นเดียวกับครม.รักษาการ และจะพ้นจากตำแหน่งในวันที่ ครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ

"ในระหว่างที่เป็นรัฐบาลรักษาการ หากมีรัฐมนตรีลาออก ก็จะไม่มีผลกระทบกับคณะรัฐมนตรีทั้งหมด ยังสามารถประชุม ครม.ได้ และนายกฯ ยังมีอำนาจปรับ ครม.ได้ หากมีความจำเป็น ส่วนการยื่นบัญชีทรัพย์สิน คณะรัฐมนตรีจะต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน ภายใน 60 วันนับแต่ ครม.ใหม่ถวายสัตย์ฯ" นายอนุชา กล่าว

สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของ ครม.รักษาการ จะต้องไม่อนุมัติงาน หรืออนุมัติโครงการที่ผูกพัน ครม.ใหม่ เว้นแต่เป็นเรื่องที่อยู่ในงบประมาณรายจ่ายอยู่แล้ว นอกจากนี้ จะต้องไม่แต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการ หรือให้พ้นตำแหน่ง เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจาก กกต. และไม่อนุมัติการใช้งบกลาง เว้นแต่ กกต.จะเห็นชอบก่อนเช่นกัน

นอกจากนี้ ครม.รักษาการ จะต้องไม่ใช้ทรัพยากร หรือบุคลากรของรัฐ กระทำการอันมีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่ฝ่าฝืนระเบียบ กกต. เช่น ไม่ใช่อำนาจหน้าที่เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น, ไม่จัดประชุม ครม.สัญจร, ไม่โอนงบประมาณเพื่อการแจกจ่ายของให้แก่ประชาชน ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐในการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น เป็นต้น

นายอนุชา กล่าวว่า หลังจากที่ยุบสภา/สภาฯ ครบวาระแล้ว สภาผู้แทนราษฎร ก็จะสิ้นสุดลง แต่วุฒิสภา ยังมีอยู่ แต่ไม่สามารถจัดประชุมได้ เว้นแต่จะพิจารณาตั้งองค์กรอิสระ

ส่วนกรณีของร่างกฎหมายต่างๆ ที่ค้างอยู่ใน 2 สภา ทั้งสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภานั้น มีอยู่ 29 ฉบับ ซึ่งจะตกไปทันที และหลังเลือกตั้งไปแล้ว หากรัฐบาลต้องการจะหยิบมาพิจารณาต่อ ก็สามารถดำเนินการได้ แต่จะต้องยกมาพิจารณาภายใน 60 วัน นับแต่วันที่เปิดสภาฯ ชุดใหม่ ส่วนร่างกฎหมายที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ไปแล้ว 11 ฉบับ ยังเป็นไปตามขั้นตอนตามปกติ

อย่างไรก็ดี หากมีความจำเป็นเร่งด่วน รัฐบาลยังสามารถออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.)ได้ ส่วนพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ที่เกี่ยวกับกฎกระทรวง ก็ยังสามารถดำเนินการได้เช่นกัน   

ด้านนายวิษณุ กล่าวว่า วันยุบสภา เป็นเรื่องของนายกฯกำหนด ซึ่งนายกฯ ได้เปรยในครม.ทำนองว่า มีอะไรจะหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกที เพราะต้องฟังสัญญาณจากกกต. ด้วย เนื่องจากกกต. ได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ในเรื่องของการแบ่งเขตเลือกตั้งที่มีการทักท้วงกันอยู่หลายประเด็น และเรื่องจำนวนราษฎร ซึ่งกกต. ก็ขอมีส่วนร่วมด้วย แต่เป็นการแนะนำเท่านั้น เพราะฉะนั้น ก็คงจะถ้อยทีถ้อยอาศัยฟังกันอีกที

ทั้งนี้เมื่อถามว่า แนวโน้มศาลฯ จะวินิจฉัยนานหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า คิดว่าไม่นาน แต่น่าจะเกินวันที่ 28 กุมภาพันธ์

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้รัฐบาลจะประชุมครม. อีกหลายหน ซึ่งจะได้แจ้งให้ครม. ทราบ หากยุบสภาไปแล้ว ครม.ก็จะประชุมกันทุกวันอังคาร และจะปรับครม. ก็ยังได้ และรัฐมนตรีจะลาออกก็ได้