"ภูมิธรรม" รับพิจารณาปม "ช่อพรรณิการ์" ถูกตัดสิทธิ ย้ำพร้อมทำทุกอย่างให้เป็นประชาธิปไตย ขอดูก่อนถูกละเมิด - เที่ยงตรง มากน้อยแค่ไหน เผยทาบทาม "เอกชัย ไชยนุวัติ - สิริวรรณ นกสวน" ร่วมคณะกรรมการประชามติ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะกรรมการว่า จะมีการพูดคุยกันภายใน 1 -2 สัปดาห์ เพื่อให้การตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวเรียบร้อย ส่วนไทม์ไลน์การทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ ขอให้มีการนัดประชุมในครั้งแรกก่อน และจะเห็นไทม์ไลน์ วัตถุประสงค์ ขอบเขต เป้าหมาย รวมถึงการร่างกฎหมายลูกต่างๆ
" ผมหวังว่า เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น สมมุติว่ารัฐบาลครบ 4 ปี ผมอยากเห็นการเลือกตั้งครั้งหน้า มีกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ และมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญใหม่ให้สำเร็จ เพื่อใช้ในการเลือกตั้ง" นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนได้มีการทาบทาม ผู้ที่มาร่วมเป็นคณะกรรมการชุดดังกล่าวโดยทาบทามและพูดคุยกับทั้ง นายเอกชัย ไชยนุวัฒน์ รองคนบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม นางสาวสิริวรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายนิกร จำนงค์ ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งบุคคลเหล่านี้ให้ความสนใจ แต่ก็ต้องพูดคุยในรายละเอียด เพราะอยากให้ทุกคนที่เข้ามาร่วมเกิดความสบายใจ เพราะอยากให้มีการพูดคุยที่มีบทบาท และทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย ส่วนนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการทาบทาม
เมื่อถามว่า จะมีการทาบทามนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า นายวิษณุ ยังไม่มีโอกาสได้คุย แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากจะคุยเพราะท่านเป็นผู้รู้ เป็นคนที่เชี่ยวชาญในกฎหมาย รวมถึงทั้งหลายท่านที่เคยมีบทบาท หรือหากยังไม่มีโอกาสคุยเวลาที่มีประชุมก็สามารถปรึกษาหารือกันได้
เมื่อถามว่า จะมีการเชิญคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 60 มาร่วมด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรมระบุว่าตนยินดีต้อนรับทุกคน แต่ต้องคุยกันในรายละเอียดและกรอบแนวทางว่าเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า ได้มีการทาบทามตัวแทนพรรคก้าวไกลเข้าร่วมคณะกรรมการชุดดังกล่าวหรือไม่ นายภูมิธรรมระบุว่า พรรคการเมืองตนพยายามเชิญมาร่วมให้มากที่สุด แต่เรามีข้อจำกัดเรื่องปริมาณจำนวนคน เมื่อลิสต์รายชื่อ ก็เกิน 30 คน ใหญ่มากเกินไปก็ทำงานลำบาก แต่ถ้าไม่ได้เป็นคณะกรรมการ ก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วม พบปะพูดคุยแสดงความคิดเห็น
เมื่อถามถึง งบประมาณในการจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และประชามติ รวมแล้วประมาณเท่าใดนายภูมิธรรม กล่าวว่า ในส่วนของการทำประชามติ ตีความตามศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ประมาณ 3-4 ครั้งโดยจะใช้งบประมาณครั้งละ ประมาณ 3-4 พันล้านบาท แต่ตนคิดว่าอยู่ในแนวทางที่พูดคุยกันให้ชัดเจนต้องอาศัยความคิดเห็นจากคณะกรรมการชุดดังกล่าว เราพยายามจะทำให้การทำประชามติน้อยครั้งที่สุดอันไหนสามารถควบรวมได้ก็จะทำ โดยยึดแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยไว้ และหากเราสามารถประหยัดงบประมาณได้มากที่สุดก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะหากทำครบ 3-4 ครั้งตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจะใช้งบประมาณสูงถึงหมื่นล้าน
เมื่อถามว่า มองเรื่องมาตรฐานจริยธรรม ที่ลงโทษ นางสาวพรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกลตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตอย่างไรนั้น และพรรคก้าวไกลก็ออกมาระบุว่า ปัญหาอยู่ที่รัฐธรรมนูญนายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เป็นประชาธิปไตยเราทำได้หมด เว้นการแก้ไขในหมวด 1 และ 2 ในแต่ละเรื่องที่เกิดขึ้นเราต้องดูว่า เจตจำนงที่จะควบคุมดูแลนักการเมือง และผู้ที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่ก็ต้องไปดูว่าไปละเมิด และมีความเที่ยงตรง ได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งก็ต้องไปดูในรายละเอียด
เมื่อถามว่า ที่มีการวิจารณ์ว่ามาตรฐานจริยธรรม ที่ออกโดยศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ มาบังคับใช้กับส.ส. อาจจะไม่ถูกหลัก หรือกรณีที่ศาลตัดสินว่าไม่ผิดแต่กลับผิดหลักจริยธรรมไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องดูเป็นรายกรณี แต่การอิงศาลรัฐธรรมนูญในเบื้องต้นก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว แม้จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่อะไรที่เป็นปัญหามากเกินไป คนในกลุ่มวิชาชีพที่เราเชิญมา หรือรับฟังมา ก็จะเป็นคนให้ความเห็นเองว่า เรื่องไหนโอเค หรือเรื่องไหนต้องมีการปรับปรุงแก้ไขอะไร ตนคิดว่า หากระดมความคิดเห็นได้กว้างขึ้น รัฐธรรมนูญก็จะไม่มีปัญหา เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และทุกฝ่ายต้องยอมรับ และผ่านให้ได้ และตนคิดว่าถ้ารัฐธรรมนูญผ่านได้ ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยในลำดับใด มันก็จะทำให้โอกาสและบรรยากาศของประเทศพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น