"พิธา" เปิดใจสาเหตุลาออก ยันยืนยังใจเต็มร้อย เดินหน้าทำงานต่อแม้ไม่มีตำแหน่ง เปิดสเปกหัวหน้าพรรค 4-5 คนเหมาะ รอลูกพรรคเคาะจะเอาคนบู๊หรือบุ๋น นัดเลือกกก.บห. 23 ก.ย.
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า การเห็นส่วนรวมมากกว่าส่วนตัวคือสำนึกของนักการเมือง ซึ่งในบริบทการเมืองปัจจุบัน ฝ่ายค้านต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในเชิงทั้งมหภาค และจุลภาค ซึ่งมหภาคฝ่ายค้านต้องเป็นเรือหลักในการกำหนดทิศทางการอภิปรายสำคัญ ทั้งเรื่องงบประมาณ อภิปรายแนะรัฐบาล และอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนเรื่องจุลภาค คือการแต่งตั้งวิปฝ่ายค้าน ทั้งนี้ ไม่ต้องห่วงตน ขอให้ห่วงประชาชนห่วงบ้านเมืองจะดีกว่า สำหรับเรื่องส่วนตัวนั้น ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ยึดติดกับหัวโขนหรือตำแหน่ง ซึ่งปัจจุบันสามารถทำงานได้ถึงแม้จะไม่ได้มีตำแหน่งอะไรเลย และยังเป็น ส.ส.ที่ไม่สามารถเข้าสภาได้ เนื่องจากถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ ยังยืนยันว่าจิตใจยังเต็มร้อย และยังเดินหน้าทำงานในช่วงที่รอคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ในช่วงนี้อาจจะเจอมากกว่าเดิม และจะเดินหน้าเขย่าการเมืองไทย เขย่าปัญหาของประชาชน ผ่านตะแกรงร่อนเพื่อส่งต่อให้กับ ส.ส.พรรคก้าวไกล และฝ่ายค้าน ที่ยังอยู่ในสภา รวมถึงเตรียมเดินทางไปทั่วประเทศ และต่างประเทศ
นายพิธา กล่าวว่า ตามกฎหมายขณะนี้ตนเป็นรักษาการหัวหน้าพรรคก้าวไกล กระทั่งวันที่ 23 กันยายนนี้ ที่จะมีการประชุมวิสามัญพรรคก้าวไกล ที่จะมีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ และหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งหลังจากมีหัวหน้าพรรคคนใหม่ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายค้านเชิงรุกตามที่ตนได้ประกาศไว้
ผู้สื่อข่าวถามถึงคุณสมบัติของบุคคลที่จะเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ นายพิธา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการประชุมวิสามัญพรรค รวมถึงคนที่ถูกเสนอชื่อจะยอมรับตำแหน่งหรือไม่ ส่วนตัวมองว่ามีบุคคลที่เหมาะสมที่จะนำพรรคกว่า 4-5 คน ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาคนบู๊หรือบุ๋น ซึ่งไม่กังวลใจอะไร แต่พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นพรรคที่มีเจ้าของที่ไม่สามารถสืบทอดอำนาจได้ ซึ่งเรื่องนี้มีระบบ มีกฎหมาย มีข้อบังคับรับรอง เชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีความพร้อม
เมื่อถามว่า นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีความเหมาะสมหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มีเหมาะสม 4-5 คน น.ส.ศิริกัญญา เป็นหนึ่งในนั้น
ถามถึงกระแสข่าวที่พรรคก้าวไกลจะขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เพื่อรักษาตำแหน่งรองประธานสภา นายพิธา กล่าวว่า หลังจากประชุมวิสามัญพรรรค เป็นหน้าที่ของ กก.บห.พรรคชุดใหม่ที่จะหารือกับนายปดิพัทธ์ ฉะนั้น ต้องรอเวลา และฟังความเห็นของนายปดิพัทธ์ด้วยตัวเขาเอง
เมื่อถามย้ำว่า พรรคก้าวไกลจะรักษาไว้ทั้งตำแหน่งรองประธานสภา และผู้นำฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ต้องรอ กก.บห.พรรคชุดใหม่ รวมถึงฟังความเห็นของนายปดิพัทธ์ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากอนาคตศาลรัฐธรรมนูญคืนสถานะให้ จะมีโอกาสกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต ไม่ได้เป็นเรื่องของตนเพียงคนเดียว แต่เป็นเรื่องของข้อบังคับพรรค และสมาชิกพรรค
เมื่อถามย้ำว่า ไม่ได้ปฏิเสธใช่หรือไม่ว่าจะกลับมารับตำแหน่งอีกรอบ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้ปฏิเสธ แต่เป็นเรื่องของอนาคต
ถามว่า การประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคไว้ก่อน สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน ฝั่งเรายังมีความมั่นใจเรื่องการขับเคลื่อนพรรคในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุก ในฐานะพรรคอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ยืนยันว่ามั่นใจเต็มร้อย ส่วนเรื่องของรูปคดี ฝ่ายกฎหมายของเราทำหน้าที่อย่างเต็มที่ คาดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นกระบวนการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ว่าจะเป็นตัวไอทีวีเอง หรือตัววัตถุประสงค์รายได้สัมปทาน ซึ่งสามารถเทียบได้ว่าเป็นสื่อหรือไม่เป็นสื่อ
เมื่อถามถึง กรณีที่นายพิธาติด 1 ใน 100 ผู้มีอิทธิพลในนิตยสาร Time นายพิธา กล่าวว่า ดีใจที่ทั่วโลกเห็นความพยายามที่จะเขย่าการเมืองไทย พร้อมที่จะขยับเขยื้อนให้ประเทศไทยมีส่วนสำคัญในบริบทอาเซียน และบริบทโลก รวมถึงการถ่วงดุลอำนาจเพื่อนำประเทศไทยสู่อนาคตได้
ถามว่า หากให้คำนิยามการเมืองไทยรอบนี้จะให้ว่าอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า คิดว่าเป็นการเมืองของคน 1% กับการเมืองของคน 99% และพรรคก้าวไกลพร้อมที่จะรับรองคน 99% เพื่อต่อสู้กับคน 1%
เมื่อถามว่า มีการมองว่านายพิธาลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคครั้งนี้ พร้อมเดินเกมนอกสภาเต็มรูปแบบ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการเดินเกมแต่อย่างใด ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นแบบนี้ รัฐธรรมนูญที่เราต้องการเปลี่ยนเป็นมาแบบนี้ ก็จะเป็นที่จะต้องเอาส่วนรวมมาก่อนส่วนตัว ซึ่งในเชิงส่วนตัวตนสามารถทำงานได้โดยที่ไม่มีตำแหน่งอะไร การเป็นผู้แทนราษฎรที่จะพูดแทนราษฎร ตนก็ยังเชื่อว่าไม่ว่าตนจะลงไปในพื้นที่ อ.อมก๋อย ที่มีปัญหาเหมือง หรือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีปัญหาสันติสุข สันติภาพ ตนเชื่อว่าเวลาตนพูดอะไรก็มีคนฟัง และน่าจะแก้ปัญหาได้
ถามว่ามีอะไรฝากถึงด้อมส้มหรือผู้สนับสนุนนายพิธาที่กำลังขวัญเสียกับการประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่นายพิธา กล่าวว่า “เจอกันทั่วประเทศ เจอกันทั่วโลก และจนกว่าเราจะกลับมาเจอกันใหม่”