"พิธา" ประกาศกร้าว 14 ล้านเสียง ไม่ได้เลือกให้มาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน แต่จะให้เป็นนายกฯ รอบต่อไป

"พิธา" ประกาศไม่รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน เตรียมตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯอีกสมัย ยันไม่รู้จักพรรคอนาคตไกล ย้ำไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ "ก้าวไกล"

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับ บทบาทของพรรคก้าวไกลหลังจากนี้ ว่า จะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกที่มากกว่าการทำงานฝ่ายค้านแบบรูทีน เพื่อเตรียมตัวในการเลือกตั้งครั้งต่อไปและการเลือกตั้งทุกระดับ ตั้งแต่ อบจ.ท้องถิ่น สส. สสร. ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวแทนของประชาชนเราก็ต้องเตรียมตัวที่จะเป็นผู้นำทางการเมืองต่อไปไม่ว่าสถานะจะเป็นอย่างไร

“ผมไม่คิดว่าประชาชนเลือกมาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้น ก็คิดว่าไม่ได้เป็นตำแหน่งที่เราต้องการ เราก็จะต้องเตรียมตัว เพื่อให้เป็นแคตดิเดตนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป น่าจะเป็นในมุมมองนั้นมากกว่า โดยจะเป็นบทบาทของพรรคก้าวไกล และบทบาทของตนในฐานะผู้นำพรรค” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว 
  
“ผมไม่ได้ต้องการตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน” นายพิธา กล่าวย้ำอีก เมื่อถูกถามถึงความชัดเจน ระหว่างตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 และตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านจะเลือกอะไร  ซึ่ง หมายความว่า นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ในฐานะรองประธานสภาคนที่ 1 ก็ไม่ต้องลาออก  เพราะนายปดิพัทธ์พยายามทำงานอย่างเต็มที่และสร้างสรรค์ แต่ตนไม่ค่อยได้มีโอกาสพูดคุยกัน จึงต้องขอส่งกำลังใจไปให้ด้วยในการทำหน้าที่ ที่ตัวเนื้อหา กฎหมาย ญัตติ และกระทู้ที่ยังทำไม่ได้ในตอนนี้ ก็อยากจะให้เน้นเกี่ยวกับสารถะของการเป็นรองประธานสภาที่ดี
 
 เมื่อถามว่ามองหรือไม่ว่าเป็นเกมที่ถูกบีบในสภาหรือไม่ นายพิธา ระบุว่า ก็เป็นเกมในสภา ไม่ได้บีบอะไร และตนไม่เชื่อว่า นายปดิพัทธ์ จะรู้สึกอะไร 
 
ส่วนกรณีกระแสข่าวการจัดตั้งพรรคอนาคตไกลที่จะไปจดแจ้งกับ กกต. นายพิธา ย้ำว่า ตนไม่รู้จักพรรคอนาคตไกล และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางพรรคก้าวไกล และมองว่าในการเมืองทั่วไปก็เป็นสิทธิเสรีภาพใครจะตั้งพรรคก็ได้ และจังหวะในการตั้งพรรคเพื่อชี้นำประเด็นอะไรบางอย่าง และตนเชื่อว่า ประชาชนเป็นพลเมืองเขารู้ทัน
 
 นายพิธา ยังพูดถึงสภาพจิตใจของตนเองและคนในพรรคด้วยว่า สำหรับตน เวลาลงพื้นที่ประชาชนก็บอกว่า อย่าเสียใจนะ ตนพูดได้เต็มปากเต็มคำ ตนภูมิใจมากกับสิ่งที่เราได้ทำด้วยกัน ตอนเริ่มทำแคมเปญก็บอกแค่30เสียง ตอนนี้โตมา 5เท่าเป็น150เสียง เพราะฉะนั้นก็ไม่ทีอะไรให้เสียใจ มีแต่เรื่องที่จะต้องภูมิใจกับสิ่งที่เรียนรู้มา และตนก็รู้สึกว่า ตนเองเป็นนักการเมืองที่ดีขึ้นมาก 

“ตอนนี้เป็นพิธา เวอร์ชั่น 2 ที่รู้จักรับฟัง มีวุฒิภาวะ และเข้าใจในการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะฉะนั้นตนรู้สึกภูมิใจในการเดินทางของพรรคก้าวไกลเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีความเสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว” นายพิธา กล่าว 
 
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงพื้นที่รณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 ระยอง นายพิธา ได้ปราศรัยถึงการเชิญขวนให้ออกมาใช้สิทธิ์ เลือกตั้งในวันที่ 10 ก.ย.
 
โดยมีใจความหนึ่งที่ นายพิธา ปราศรัยกับประชาชน ระบุเน้นย้ำถึงการเป็นฝ่ายค้านด้วยว่า “ประชาชนกว่า 14 ล้านคนในประเทศนี้ เลือกผมมาเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เลือกมาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นไม่รับ ไม่เป็นผู้นำฝ่ายค้าน แต่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไปแน่นอน ต่อไปนี้พ่อแม่พี่น้องไม่ต้องร้องไห้ ไม่ต้องเสียใจอีกต่อไป เผาความเสียใจ เผาความคับแค้นให้กลายเป็นพลังงาน เอาความรู้สึกคับแค้น ความผิดหวัง ความเสียใจ เผาให้เป็นพลังงานขับเคลื่อนระยอง ขับเคลื่อนประเทศนี้ไปด้วยกัน”