"เพื่อไทย" ยกวิกฤตใหญ่ 3 ด้าน เร่งตั้งรัฐบาลพิเศษแก้ปัญหาประเทศ คาดสัปดาห์นี้จบ ยินดีถ้า "ก้าวไกล" ร่วมโหวตนายกฯ "ภูมิธรรม"ขอโทษทุกฝ่ายที่ทำบาดหมาง ดัน "เศรษฐา" ชิงนายกฯไม่เปลี่ยน
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอบคำถามภายหลังแถลงดึง 6 พรรคร่วมรัฐบาลว่า ขณะนี้ที่แถลงว่ามีเสียงสนับสนุนมากกว่ากึ่งหนึ่ง แต่ขณะที่แถลงก็มีเสียงที่รวมได้ 238 เสียง ตามที่สื่อให้ข้อมูล โดยกรณีไม่เอาพรรคลุงจะดึงเสียงจากพรรคอื่นมาสนับสนุนได้อย่างไร ซึ่งพรุ่งนี้ (10 ส.ค.) จะมีการแถลงเพิ่มเติม ถึงพรรคที่ยังเหลืออยู่ คาดว่าในสัปดาห์นี้คงจะจบทั้งหมด
เมื่อถามว่าจะชวนพรรคอื่น เช่น ปชป., รทสช., พปชร. รายบุคคล มาโหวตให้หรือไม่และจะมีการพูดคุยหรือไม่ นพ.ชลน่าน ตอบว่า เราแสวงหาความร่วมมือจากทุกพรรค ทุกฝ่าย รวมถึงตัวบุคคล เพราะการโหวตเลือกนายกฯ เป็นเอกสิทธิ์ที่ทุกคนตัดสินใจได้ ส่วนการร่วมรัฐบาลได้ดำเนินการตามที่แถลงการณ์ไปแล้ว ซึ่งขณะนี้พรรคที่ยกขึ้นมากล่าวอ้างยังไม่มีการพูดคุย
นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีความชัดเจน พรรคเพื่อไทยมีข้อจำกัดอย่างมากในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยให้การสนับสนุนพรรคก้าวไกลไปแล้ว 2 ครั้ง ก็ไม่ได้รับความเห็นชอบ เมื่อพรรคก้าวไกลมอบภารกิจมาให้ พรรคเพื่อไทยก็พยายามแสวงหาเสียงสนับสนุนให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็เคารพเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกลว่าจะมาสนับสนุนเลือกนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ปรารถนาจากทุกพรรคทุกส่วน ถ้าสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีแล้วทำให้สถานการณ์การเมืองก้าวเข้าสู่ความเรียบร้อย ปิดจุดอ่อนและปิดวิกฤตรัฐธรรมนูญได้ ก็ยินดีอย่างยิ่งถ้าก้าวไกลจะมาร่วมกับเราในมุมนั้น
นายภูมิธรรม ตอบคำถามสื่อมวลชนว่า เอาวาระประเทศ วาระประชาชน เป็นที่ตั้ง ขณะนี้เริ่มกระบวนการดึงและเจรจาพูดคุยกับพรรคต่าง ๆ หารือพรรคก้าวไกล พรุ่งนี้ จะหารือกับพรรคชาติไทยพัฒนาและอีกหลายพรรค จะค่อยๆ ดำเนินการ ยืนยันว่า มีความชอบธรรม เสียงเราเกินกึ่งหนึ่งแล้ว ปัญหาของเราขณะนี้คือ พยายามจะให้ทุกพรรค ทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ทุกคนมีการเข้าร่วม ตามที่ผมได้เรียนไปแล้วว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลพิเศษ ท่ามกลางการมีวิกฤต 3 ด้าน คือ วิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตปากท้อง วิกฤตความขัดแย้ง เราต้องการให้รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ หลังจากที่เราขัดแย้งเป็นกลุ่ม แบ่งฝักฝ่ายมาเป็นเวลากว่า 20 ปี
"ฉะนั้นวันนี้ ถ้าเป็นบุคคล ก็เป็นคำร้องขอจากเรา ไม่ใช่กระบวนการหรืองูเห่าอะไรทั้งสิ้น ถ้าเป็นพรรคหรือกลุ่มบุคคลก็ไม่ได้ไปทำลายกระบวนการอะไรที่เคยมีมา สิ่งที่ต้องการต้องคิดจากกระบวนทัศน์ใหม่ ไม่อย่างนั้นฝ่าวิกฤตไม่ได้"นายภูมิธรรมกล่าว
นายภูมิธรรมยังกล่าวว่า ที่คุยทั้งหมดไม่ใช่เพียง สส.แต่รวมถึง สว.ด้วย เพื่อรวมให้ได้ 375 เสียง เพื่อสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ตามกติกา และเดินหน้าแก้ไขปัญหาประเทศชาติ และทุกพรรคที่มาร่วมแถลงยืนเอาวาระประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งหากเดินหน้าเลือกนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาลได้ก็จะนำนโยบายของทุกพรรคมาพูดคุยกัน แม้ว่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้านหากเป็นนโยบายที่ดีก็พร้อมจะนำนโยบายมาทำและผลักดัน
"สิ่งที่ต้องการขณะนี้ สนับสนุนให้เป็นแกนนำและนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย เราเชื่อว่าวิกฤตของประเทศครั้งนี้ เป็นเรื่องใหญ่มากต้องการความร่วมมือและสนับสนุนจากทุกพรรคทุกฝ่าย เรื่องที่บาดหมางใจกัน เรื่องที่มีความขัดแย้งกัน ถ้าคิดถึงเรื่องใหญ่ของประเทศเหล่านั้นเรื่องเล็กน้อย ผ่านพ้นไปได้ อะไรที่พรรคเพื่อไทยหรือพรรคร่วมต่าง ๆ ได้กระทบกระทั่งต่อกัน หรือ ที่มีความรู้สึกไม่สบายใจต่อกัน ผมว่าเป็นเรื่องเล็ก สำหรับพรรคเพื่อไทยยินดีที่จะขอโทษ กับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นถ้ามันเป็นเรื่องที่มีปัญหา เหนือสิ่งอื่นใด เราอยากได้ความร่วมมือเพื่อให้ประเทศพ้นวิกฤต"นายภูมิธรรมกล่าว
นพ.ชลน่าน ยังตอบคำถามกรณีที่มีการระบุว่า สส.พรรคเพื่อไทย ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค มีการประชุมพรรคเมื่อวานนี้ (8 ส.ค.) เพื่อให้ สส.ได้พูดคุย เปิดใจกันอย่างเต็มที่ โดยรับฟังเสียงทั้งบวกและลบ ซึ่งเท่าที่รับฟังไม่มี สส.คนใดแสดงแนวคิดที่ไม่เห็นด้วยถึงขั้นย้ายออกไปจากพรรค มีเพียงข้อห่วงใยในประเด็นทั่วๆ ที่ใช้เป็นแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น
เมื่อถามว่าสื่อมวลชนว่ายังเสนอนายเศรษฐา เป็นแคนดิเดตนายกฯให้รัฐสภาฯลงมติหรือไม่ว่า นายชลน่านกล่าวว่า แคนดิเดตนายกของพรรคเพื่อไทยยังเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน ที่จะเสนอชื่อให้รัฐสภาพิจารณาและมั่นใจว่าจะผ่านการลงมติ
นายภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า กรณีนายเศรษฐา ตรวจสอบกระบวนการทางกฎหมายแล้ว ผ่านกระบวนการคัดสรรแล้ว ไม่มีปัญหาทางกฎหมาย และไม่มีปัญหาด้านจริยธรรม ขณะที่พรรคก้าวไกล จุดยืนสุดท้ายที่ได้ตกลงกัน คือ พรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลและพรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้าน อะไรก็ตามที่เกิดประโยชน์จะร่วมกันทำงาน ยืนยันไม่สนับสนุนการแก้ไข มาตรา 112 นี่คือการแบ่งแยกกันทำงานไม่ได้พูดเรื่องการมารวมกันเป็นรัฐบาล และเรื่องเสียงสนับสนุนก็เหมือนที่พูดคุยกับพรรคอื่นๆ พยายามจะทำทุกทาง ว่าวาระประเทศที่เรากำหนด ทิศทางที่เราเดินทุกฝ่ายน่าจะมีส่วนเห็นร่วมกัน